ธุรกิจอสังหาฯ เจอวิกฤตน้ำมันแพงต้นทุนพุ่ง “อารียาฯ”ชี้ราคาน้ำมันพุ่งดึงกำไรหดเหลือ 27% ประกาศแผนลดต้นทุนเร่งด่วน นำร่องลดด้วยการออกตั๋วบี/อีแทนกู้เงินแบงก์ เตรียมเซอร์ไพรส์ช่วงอสังหาฯ ขาลง โดดลุยโครงการบ้านหรูริมเจ้าพระยา ราคาแพง 50-100 ล้านบาทในสิ้นปีนี้ พร้อมเดินหน้าเทคโอเวอร์โครงการเก่า หวังโตก้าวกระโดด ด้าน “แสนสิริ” ประกาศลด Dept เหลือ 1:1 ภายในสิ้นปีนี้ ยันไม่ปรับเป้ารายได้ปลายปี 10,000 ล้านบาท
ท่ามกลางความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งแวดล้อมด้วยปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจโลกเกิดความผันผวน ทุกกลุ่มธุรกิจต่างปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องพลิกกลยุทธ์ปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานทุกรูปแบบ เพื่อความอยู่รอด
อารียาฯ เดินหน้าลดต้นทุน
วิศิษฎ์ เลาหพูนรังษี ประธานและกรรมการผู้จัดการ บมจ.อารียา พร็อพเพอร์ตี้ (AREEYA) กล่าวว่า หากราคาน้ำมันไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ และยังคงพุ่งทะยานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้สัดส่วนผลกำไรของอารียาฯลดลงเหลือเพียง 27% ซึ่งต่ำกว่าปัจจุบันที่มีผลกำไรกว่า 30% อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงรักษาเป้าหมายยอดขายในปีนี้ให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 2,200-2,400 ล้านบาท
โดยเร่งสร้างยอดขายจากโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขาย และลงทุนใหม่ในโครงการอารียา เมทโทร ทาวน์เฮาส์ ซึ่งเป็นการขยายเฟสที่ 2 โครงการนี้ น่าจะสร้างยอดรับรู้รายได้ประมาณ 400-500 ล้านบาทในราวไตรมาส3 และ 4
“โครงการอารียา เมทโทร ทาวน์เฮาส์ เป็นทาวน์เฮ้าส์โครงการแรกที่บริษัทลงทุน มูลค่ากว่า 950 ล้านบาท ตั้งอยู่ลาดปลาเค้า บนพื้นที่ 30 ไร่ ราคาขายเริ่มต้น 2.89 ล้านบาทต่อยูนิต”
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนลดต้นทุนโดยการออกตั๋วเงินระยะสั้น(บี/อี)อายุ 9 เดือนขึ้นไป ในวงเงิน 200-300 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนแทนการกู้เงินจากสถาบันการเงินและธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีต้นทุนดอกเบี้ย 5% สูงกว่าการออกตั๋วบี/อีที่มีต้นทุนดอกเบี้ยเพียง 3.9% ต่อปี และจะทำให้บริษัทลดต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายลงได้จากปัจจุบันที่มีภาระรายจ่ายด้านดอกเบี้ยเงินกู้กว่า 100 ล้านบาทต่อปี จากมูลค่าหนี้เงินกู้ 2,100 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(Dept) 1.7:1 และตั้งเป้าลดลงเหลือ 1.4:1 ภายในสิ้นปีนี้
วิศิษฎ์กล่าวถึงความคืบหน้าของโครงการบ้านหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาว่า ก่อนหน้านี้บริษัทมีแผนเปิดขายโครงการดังกล่าวภายในไตรมาส3 แต่ต้องชะลอแผนงานออกไปเป็นไตรมาส4 เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่บนพื้นที่ 100 ไร่ ย่านสะพานนวลฉวี ซึ่งต้องใช้การออกแบบค่อนข้างละเอียด ภายใต้คอนเซ็ปต์ในรูปแบบของมารีน่า
โดยจะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวสร้างเสร็จก่อนขาย จำนวน 60 ยูนิต ราคา 50-100 ล้านบาทต่อยูนิต เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนที่เป็นเจ้าของกิจการ ซึ่งจะเน้นการขายแบบไดเร็กเซลส์ เพราะเชื่อว่ายังมีกำลังซื้อและต้องการนำเงินไปซื้อทรัพย์สินมากกว่าการนำเงินไปฝากธนาคารที่ได้รับผลตอบแทนน้อย เพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำ
แสนสิริเล็งลด D/Eเหลือ 1:1
ด้านเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.แสนสิริ(SIRI) กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน ลงเหลือ 1:1 ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันที่มีหนี้สินต่อทุน 1.37:1 จากมูลค่าหนี้ประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยเร่งการขายและโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านและคอนโดมิเนียมที่อยู่ระหว่างเปิดการขายให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ยังมีแผนลงทุนโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้อีก 6 โครงการ มูลค่าขายรวมกว่า 11,800 ล้านบาท โดยเน้นการขยายฐานตลาดบ้านเดี่ยวมากขึ้น ขณะเดียวกันยังมีแผนลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมอีก 2 แห่ง ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับเจ้าของที่ดิน ในเบื้องต้นบริษัทได้จัดสรรงบลงทุนด้านที่ดินในช่วงครึ่งปีหลัง 500 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีเงินทุนหมุนเวียนอีก 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นวงเงินที่มากพอสำหรับใช้ลงทุนในโครงการใหม่
แม้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะบริษัทลูกที่ แสนสิริ ถือหุ้นอยู่ 100% จะมีแผนปรับลดเป้าหมายยอดขายในปีนี้ลงจากเป้าหมายเดิม แต่ เศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้รับรายงานจาก พลัสฯ ว่าจะมีการปรับลดเป้าหมายยอดขาย หรือหาก พลัสฯ จะปรับลดเป้ายอดขายลง แต่ในส่วนของ แสนสิริ ยังคงเป้าหมายยอดขายเดิม 10,000 ล้านบาทในปีนี้
แม้เศรษฐกิจจะผันผวน แต่บริษัทจะระมัดระวังในการลงทุนและการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมากขึ้น โดยประเมินว่าจากความผันผวนของเศรษฐกิจจะทำให้สัดส่วนผลกำไรในเบื้องต้นจะลดลงเหลือ 28% จากปี 47 ที่มีผลกำไรเฉลี่ย 31%
|