Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์27 มิถุนายน 2548
ย้อนรอย เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จากธุรกิจค้าไม้อัดถึงบริษัทจดทะเบียน             
 


   
search resources

โมเดอร์นโฮม ดีเวลลอปเม้นท์
เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้, บมจ.
Real Estate




บนเส้นทางธุรกิจสายอสังหาริมทรัพย์ของอภิสิทธิ์ งามอัจฉริยะกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ. เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ ผู้ปลุกปั้นแบรนด์ เค.ซี.ให้เป็นเจ้าตลาดโซนตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงเทพ หรือในเขตคลองสามวา สะพานสูง หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง สุวินทวงศ์ และเทพารักษ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อภิสิทธิ์พัฒนาโครงการมาอย่างต่อเนื่องรวมมากว่า 50 โครงการ ในระยะเวลา 20 ปี

การพุ่งเป้าลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว เพราะอภิสิทธิ์ มองว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูง เพราะมีการลงทุนก่อสร้างและขยายระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐจำนวนมาก เช่น โครงการถนนวงแหวนรอบนอก ทางหลวงพิเศษกรุงเทพ-ชลบุรี (มอเตอร์เวย์) โครงการทางด่วนขั้นที่ 2 (ศรีรัช) จนถึงล่าสุดโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ

ย้อนไปเมื่อปี 2525 เค.ซี.ก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจัง โดยเริ่มต้นลงทุนโครงการแรกเป็นทาวน์เฮาส์ ราคาปานกลาง โดยยึดทำเลย่านคลองจั่น ถนนสุขาภิบาล 1 ซึ่งสามารถพัฒนาและขายโครงการ “คลองจั่นวิลล่า” ได้ถึง 7 แห่งภายในเวลาไม่นาน ซึ่งถือว่าเป็นความสำเร็จอย่างสูง นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้ เพราะก่อนหน้านี้มีความเชี่ยวชาญจากการขายวัสดุก่อสร้างที่มีสินค้าหลัก คือ แผ่นไม้อัดพร้อมกับมีการก่อสร้างอาคารพาณิชย์เท่านั้น ทำให้มั่นใจว่าจะยึดการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ต่อไป

หลังจากที่บริษัทมุ่งมั่นลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปรากฎว่าประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และสามารถฝ่าวิกฤตที่หนักหนาในช่วงลอยตัวค่าเงินบาทมาได้ ส่วนแผนในอนาคตบริษัทจะก้าวเป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง ที่สำคัญจะต้องได้รับการยอมรับในวงกว้าง จึงมีแผนเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

“แผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทใช้วิธีลัด ด้วยการเทคโอเวอร์บมจ. โมเดอร์นโฮม ดีเวลลอปเม้นท์ เพราะจะทำให้เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนเร็ว และง่ายกว่าการเข้าจดทะเบียนเอง และได้ขอเปลี่ยนชื่อจากโมเดอร์นโฮมดีเวลลอปเม้นท์ เป็นเค.ซี.ฯในปัจจุบันนี้”

การลงทุนของโมเดอร์นโฮมฯ เน้นการลงทุนคอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงานเป็นหลัก และหลังการลดค่าเงินบาทตั้งแต่ปี 2540 ทำให้มีภาระหนี้สินล้นพ้นและต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งฟื้นฟูกิจการในเดือน ก.ย.2543 และมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัทในเดือน ก.ย.2544 โดยแต่งตั้งบริษัท โมเดอร์นโฮม แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้บริหารแผนฯ

โมเดอร์นโฮมฯชำระหนี้และดำเนินการฟื้นฟูกิจการตามแผนโดยตลอด จนกระทั่งในราวต.ค. 2546 กลุ่มเค.ซี.ฯเข้ามาลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 74.99% โดยการโอนสินทรัพย์โครงการเข้ามาในบริษัทฯ และเริ่มเข้าบริหารกิจการในโมเดอร์โฮมฯ ตั้งแต่ปลายปี 2546 เป็นต้นมา จากนั้นในเดือน ม.ค. 2547 ดำเนินการเปลี่ยนชื่อบริษัท จากโมเดอร์นโฮมฯ เป็นเค.ซี.พร็อพเพอร์ตี้ รวมทั้งเปลี่ยนชื่อย่อในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็น “KC” และได้รับอนุมัติจากศาลล้มละลายกลางให้ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2547

ปัจจุบัน เค.ซี.ฯมีโครงการทั้งที่ดำเนินการบริหาร รวมทั้งโครงการรับจ้างก่อสร้างและโครงการร่วมลงทุนรวมทั้งสิ้น 18 แห่ง จำนวน 4,990 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวม 10,543 ล้านบาท รวมถึงสินทรัพย์โครงการจากกลุ่มบริษัท เค.ซี.ซึ่งได้รับการโอนเข้ามาเพื่อพัฒนาในบริษัท จำนวน 8 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1,726 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทฯ มีบริษัทย่อย 1 แห่งที่บริษัทฯ ถือหุ้น 99.99% คือ บริษัทโมเดอร์น สตรีท จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์สาธารณูปโภคส่วนกลางของโครงการอสังหาฯของบริษัทเอง

ปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 875 ล้านบาท ซึ่งหลังจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 40 ล้านหุ้น และหุ้นส่วนเกินอีก 5 ล้านหุ้น (พาร์ 5 บาท) บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเพิ่มเป็น 1,100 ล้านบาท โดยสัดส่วนการถือหุ้นหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจะเป็นของกลุ่มงามอัจฉริยะกุล 44.2% กลุ่มเดชวรภัทร 5.3% ผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่น ๆ 30.1%และนักลงทุนรายใหม่ 20.5%

อภิสิทธิ์ กล่าวว่า คาดว่าบริษัทจะกลับเข้าทำการซื้อขายในหมวดอสังหาริมทรพย์ในเดือนมิ.ย.นี้ ด้วยการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 45 ล้านหุ้น รวมส่วนของหุ้นจัดสรรส่วนเกินจำนวน 5 ล้านหุ้น การเพิ่มทุนในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 1,075 ล้านบาท ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกินโดยตนเองจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 44.55% จากนั้นจะยังคงมุ่งพัฒนาบ้านระดับกลางในทำเลที่เป็นเจ้าตลาดเป็นสัดส่วนถึง 80% เนื่องจากการระดมผู้ลงทุนใหม่ไม่ต้องการให้มีความเสี่ยงสูงในการออกนอกทำเล พร้อมตั้งเป้าการเติบโตทุกปี 15-20% ซึ่งไม่ถือว่าเป็นแผนการเติบโตที่สูงเกินไป   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us