|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เปิดโพยโต๊ะบอลรายใหญ่ เย้ยกฎหมายกลางกรุง “ชูวิทย์”แฉทุกแห่งมีตำรวจรู้เห็นเป็นใจแทบทั้งสิ้น ไขรหัสลับ “D-day sport-ฟุตบอลลีก” คาถา เคลียร์ตำรวจ เซียนพนันพัฒนารูปแบบเหนือชั้น เย้ยจนท.ล้าหลังตามไม่ทัน นครบาล”กดดันทุกสน.บีบเจ้ามือพ้นกทม.ใช้กลไก “ภาครัฐ-กฎหมาย”แก้ปัญหา.แบบบูรณาการ
และแล้วฤดูกาลแห่งความสุขสำหรับคอบอลได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2005-2006 เปิดศึกดวลแข้งอย่างเป็นทางการเมื่อ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา ใครรักชอบทีมไหน ก็เชียร์กันไปสุดใจแบบขาดดิ้น คงไม่ว่ากัน
ข่าวคราวนักเตะฝีเท้าดีคนไหนจะค้าแข้งกับทีมใด ถูกซื้อตัวมาในราคาเท่าใด รวมทั้งแผนการเตะในแต่ละนัดจากทีมต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่สามารถปลุกความตื่นเต้น เร้าใจได้ทุกอณูขุมขนแก่คอบอล และโดยเฉพาะเซียนพนันกันอย่างถ้วนทั่ว...!
ตร.กวาดล้างตามฤดูกาล
หลายคนบอกว่าเมื่อฤดูกาลฟาดแข้ง แม็ตใหญ่ๆเกิดขึ้นเมื่อใด ปฏิบัติการกวาดล้างนักพนันบอล จะถูกปลุกขึ้นมาทำงานในเวลาเดียวกัน จนกลายเป็นการ กวาดล้างตามฤดูกาลเท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่การแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญยุติลง ภารกิจของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จบสิ้นลงเช่นกัน
ข้อสมมติฐานดังกล่าวได้ถูกตอกย้ำอีกครั้งจาก “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์”รองหัวหน้าพรรคชาติไทย และประธานคณะอนุกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนฯ ออกมาแฉว่ามีโต๊ะพนันบอล กระจายอยู่ทั่วทุกสน.ในกรุงเทพฯ รวมแล้วถึง 25 แห่ง ! แต่ละแห่งล้วนมีตำรวจรู้เห็นเป็นใจ
“ ผมเชื่อว่าตำรวจเอง ต้องมีข้อมูลมากกว่าแน่นอน เพราะต้องรู้ดีว่าในพื้นที่ของตัวเองมีโต๊ะบอลใหญ่ๆที่ไหนบ้าง ใครเป็นเจ้าของ หรือโต๊ะไหนที่มีตำรวจเป็นเจ้าของเอง”
เปิดรหัสลับ “D-day sport-ฟุตบอลลีก”
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคชาติไทย ระบุกับ “ผู้จัดการรายสัปดาห์ ” ถึงแหล่งโต๊ะบอลที่กระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ในรูปแบบต่างๆ เช่นร้านอาหาร โต๊ะสนุ๊กเกอร์ ร้านเกม ร้านอินเตอร์เนต โดยลูกค้าที่ไปพนันบอลจะเป็นกลุ่มระดับล่าง ตั้งแต่พ่อค้า แม่ค้า กลุ่มนักเรียน นักศึกษา มีอัตราการเล่นตั้งแต่ 50บาทไปจนถึงระดับหมื่น นิยมเล่นพนันแบบสะดวกซื้อ ส่วนกลุ่มระดับกลางคือกลุ่มคนทำงาน และกลุ่มระดับวีไอพี นิยมไปรวมตัวกันตามสถานบันเทิง เช่น ซาวน่า คลับระดับหรู เล่นพนันผ่านเทคโนโลยีทุกประเภท เป็นพวกขาประจำมีอัตราการเล่นพนันระดับล้านขึ้นไป เงินพนันบอลจากในกรุงเทพฯ เกือบทั้งหมดจะมีคนนำส่งไปที่มาเลเซีย
สำหรับกลุ่มที่น่าเป็นห่วงและควรให้ความสำคัญมากที่สุด คือ นักเรียน นักศึกษา เพราะถูกล่อลวง ชักจูงไปในทางที่ผิดได้ง่ายและนำไปสู่ปัญหาต่างๆตามมา แต่อย่างไรก็ตาม กลับพบว่ามีโต๊ะพนันบอลอยู่ใกล้กับสถานศึกษาหลายแห่ง ทั้งโรงเรียนระดับมัธยม และมหาวิทยาลัย อาทิ หอการค้าไทย ธุรกิจบัณฑิต และมหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งนับวันเจ้าของโต๊ะบอลจะยิ่งมีลูกค้ามากขึ้น “ทุกวันนี้นิสิต นักศึกษาบางคนก็ถือหนังสือบอล มากกว่าหนังสือเรียนด้วยซ้ำ”
ปัญหาที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถกวาดล้างโต๊ะพนันบอลให้หมดไปได้ เนื่องจากการที่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องทั้งในฐานะที่เป็นเจ้าของโต๊ะเองแล้ว บางสน.ตำรวจยังเป็นสายคอยส่งข่าวการจับกุมแต่ละครั้ง
“โพยบอลแต่ละโต๊ะ จะมีรหัสผ่านเพื่อใช้เคลียร์กับตำรวจไว้เรียบร้อยแล้ว เหมือนกับสติกเกอร์รถสิบล้อ มีรหัสประจำรู้กันระหว่างตำรวจกับเจ้าของรถ ว่าคันไหนจ่ายเงินไปแล้ว
โต๊ะบอลก็เช่นกัน ถ้าโพยไหนมีรหัส D-day sport หรือ ฟุตบอลลีก แสดงว่าเคลียร์กันได้ เป็นพวกเดียวกัน หรือจ่ายเงินแล้ว”
เย้ยตร.ล้าหลัง-ตามไม่ทันไฮเทค
ชูวิทย์ บอกด้วยว่าข้อมูลที่มีอยู่เวลานี้พบว่า มีโต๊ะบอลอยู่ในสน.ต่างๆ เปิดรับลูกค้ามาเป็นเวลานาน อาทิ สน.ทุ่งมหาเมฆ มี”เฮียชัย-เฮียโต” เป็นขาใหญ่ สน.บางโพงพาง มี “เสี่ยล้าน-เฮียสมชาย” โต๊ะ “เฮียฉั๊ย” อยู่สน.ลาดพร้าว “เฮียโจหรือเฮียจูเนียร์”สน.บางเขน สน.ท่าเรือ มี”เฮียไซม่อน”ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-ฮ่องกง คุม “เฮียหมู”เจ้าของวินรถสองแถว รถซูบารุ และแท็กซี่ ที่สน.บางนา ส่วนสน.วัดพระยาไกร มีโต๊ะใหญ่ของ “เสี่ยโจ” ที่สน.ดินแดง มีโต๊ะ”เฮียจั้ว” ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เป็นเครือข่ายเดียวกันกับที่สน.สุทธิสาร
นอกจากนี้ยังมีโต๊ะบอลที่ค่อนข้างมีชื่อและเป็นที่รู้จักในหมู่นักเล่นรับแทงทุกระดับลูกค้า แต่กำลังถูกจับตาจากกองปราบปราม คือย่านรามคำแหง พัฒน์พงษ์ และเยาวราช ที่กล้าเปิดท้าทายกฎหมายใจกลางกรุงเทพฯ ปัจจุบันพบว่ารูปแบบการพนันบอลได้ถูกพัฒนาไปมากโดยการเล่นพนันผ่านมือถือ ปาล์ม และอินเตอร์เนต ซึ่งสร้างปัญหาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเนื่องจากไม่สามารถไล่ตามได้ทัน
“ขณะที่คนเล่นพนัน พัฒนารูปแบบก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว แต่ตำรวจยังล้าหลังอยู่เลย การแทงบอลแบบนี้ตำรวจจะไปตามจับโพยบอลได้จากที่ไหน ส่วนเงินพนันก็ใช้วิธีโอนผ่านธนาคารกันไป
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเองที่ยังเป็นฝ่ายวิ่งไล่ผู้ร้าย เมื่อตำรวจขาดองค์ประกอบในการกระทำความผิด คือ เจ้ามือ โพยและเงิน แล้วจะจับใครได้ ยิ่งถ้าแทงผ่าน SMS หรือผ่านหมายเลขโทรศัพท์ของรัฐด้วยแล้ว ก็จบกัน”
เจ้ามือเปิดโต๊ะ รองรับทั่วทุกภาค
การแพร่ระบาดของโต๊ะพนันบอล นั้นไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงในกรุงเทพฯเท่านั้น หากแต่ในความเป็นจริงแล้วเจ้ามือ เจ้าของโต๊ะพนันยังเดินสาย และมีเครือข่ายเพื่อระบายลูกค้าเชื่อมโยงไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกและหลบการติดตามของตำรวจอีกด้วย เมื่อมีการกวาดล้างจับกุมหรือกดดันเจ้ามือโต๊ะบอลในกรุงเทพฯ บรรดาผู้เล่นสามารถมีแหล่งเล่นพนันได้อีก
ในภาคใต้ จะอยู่ที่หาดใหญ่ แถบอีสานมีแหล่งใหญ่อยู่ที่จ.ขอนแก่น และที่โคราช มีตำรวจคอยดูแล ภาคตะวันออก อยู่ที่ พัทยา จ.ชลบุรี ส่วนภาคเหนือ ผู้เล่นสามารถเดินทางไปเล่นที่ประเทศเพื่อนบ้าน ฝั่งจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า มีบ่อนคาสิโนเปิดบริการอย่างถูกกฎหมายอยู่แล้ว
“การกวาดล้างของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อไม่ให้มีโต๊ะพนันบอลนั้น ไม่มีทางหมดไปได้ เพราะตำรวจจะทำงานไปตามฤดูกาลเท่านั้น คือทำตามฤดูกาลแข่งขันบอลนัดสำคัญ หรือฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายเพื่อสร้างผลงานเท่านั้น ในที่สุดปัญหาเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ต่อไป” ชูวิทย์ ทิ้งท้ายถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
นครบาลกดดันทุกสน.-สร้างแนวร่วมต้านพนัน
จากมุมมองของชูวิทย์ ในฐานะที่รู้และเข้าใจกลไกกระบวนการด้านมืดของสังคม อาจเห็นว่าโต๊ะพนันบอล นั้นไม่ต่างไปจากเครื่องมือหากินของเจ้าหน้าที่รัฐ และเครื่องมือสร้างผลงานให้เท่านั้น แนวคิดดังกล่าวย่อมไม่สอดคล้องกับฝ่ายปฏิบัติงานโดยตรง คือเจ้าหน้าที่ตำรวจ
โดย “พล.ต.ต.จรัมพร สุระมณี” รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.)ในฐานะ “หัวหน้าศูนย์ปราบปรามการพนันทายผลฟุตบอล” ได้อธิบายแนวทางการทำงานและแผนงานกวาดล้างต่อเนื่อง กับ”ผู้จัดการรายสัปดาห์” ว่ากลุ่มเป้าหมายที่ต้องดึงออกจากการพนันบอล ที่สำคัญที่สุดคือ กลุ่มเด็ก เยาวชนนักเรียน นักศึกษา เนื่องจากเป็นกำลังสำคัญของชาติแต่กลับถูกล่อลวงได้ง่าย รัฐจึงต้องให้ความคุ้มครอง
“นโยบายของเราคือไม่ให้มีโต๊ะบอลแบบสะดวกซื้อมีอยู่ในกรุงเทพฯ ด้วยการกดดันไปตามโรงพักทุกแห่ง คือให้นโยบายลงไปแล้วตรวจสอบ ถ้าพบว่าสน.ไหนไม่ทำตามกติกาก็ต้องถูกดำเนินการ”
การกดดันทุกสน.ไม่ให้ปรากฎโต๊ะพนันบอลในกรุงเทพฯ ด้วยการกวดขันจับกุม และเฝ้าติดตามบรรดาเจ้าของโต๊ะบอลรายใหญ่ ที่เคยถูกจับกุมไปแล้วเมื่อครั้งมีการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2004 อาทิ “ย้ง หลักสอง “ที่เคยถูกจับกุมได้โพย200 ล้าน “เทพหรรษา”ย่านหนองแขม ได้โพย61 ล้านบาท หรือ”สินสำเริง พุทธมณฑล สาย2 “เคยถูกจับได้โพย 172 ล้าน ซึ่งทุกสน.จะต้องเกาะติดเจ้ามือกลุ่มนี้เพื่อไม่ให้ก่อคดีขึ้นอีกในรอบนี้
“การออกมาให้ข้อมูลของคุณชูวิทย์ ว่ามีสน.ไหนบ้างที่มีโต๊ะบอลรายใหญ่ เราถือว่าเป็นการให้ความร่วมมืออีกส่วนหนึ่งของสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เหมือนเป็นการรับทราบเบาะแสเพิ่มเติม”
แนวทางการปราบปรามโต๊ะพนันบอลอย่างบูรณาการตามแนวคิดของพล.ต.ต.จรัมพร คือการทำให้ทุกส่วนของสังคม ได้เข้ามาเป็นเจ้าภาพ ไม่มองว่าเป็นปัญหาอาชญากรรม แล้วปล่อยให้ตำรวจทำงานอยู่ฝ่ายเดียว เท่ากับเป็นการ”สร้างแนวร่วม”จากสังคม ขณะนี้ได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงศึกษาฯ รวมทั้งใช้กลไกทางกฎหมายเข้ามาควบคุม คือการประสานกับกรมสรรพากร เพื่อให้ติดตามตรวจสอบรายได้ และการเสียภาษีของบรรดา “แบล็คลิสต์”ที่อยู่ในมือตำรวจ รวมไปถึงการพิจารณาความผิดว่าเข้าข่ายที่จะใช้กฎหมายป.ป.ง.เพื่อยึดทรัพย์ได้หรือไม่ต่อไป
การใช้ยุทธวิธีสร้าง “แนวร่วม”จากหน่วยงานภาครัฐและประชาชน ตลอดจนการใช้กลไกทางกฎหมายที่มีอยู่ เชื่อว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้อย่างครบวงจรและในที่สุดเป็นการยืนยันได้ว่า ตำรวจไม่ได้จับตามฤดูกาลหรือเพื่อสร้างผลงานเท่านั้น ...คงต้องติดตามกันต่อไปว่าการสั่งปราบปรามโต๊ะพนันบอล ในครั้งนี้ ที่สุดแล้วจะกลายเป็นไฟไหม้ฟางเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่
|
|
|
|
|