ดีเวลลอปเปอร์มั่นใจตลาดบ้านแพงอนาคตสดใส ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบทุกด้าน กำลังซื้อไม่หดหายตามภาวะเศรษฐกิจ เพอร์เฟคเดินหน้าลุยเปิด 7 โครงการใหม่ คิวเฮ้าส์เน้นรักษาฐานลูกค้าเก่า ส่วนไรมอนแลนด์เดินหน้าเปิดตัวโครงการหรู เดอะล็อฟท์ เย็นอากาศ
ต้องยอมรับว่าการทำตลาดบ้านจัดสรรในช่วงนี้ค่อนข้างลำบาก ไม่ง่ายเหมือนกับในปีก่อน เพราะได้รับพิษสงจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ราคาน้ำมันพุ่งสูง ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้กำลังซื้อชะลอการซื้อบ้าน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดีเวลลอปเปอร์มองว่า กำลังซื้อที่หายไป ส่วนใหญ่เป็นบ้านระดับล่าง และบน ส่วนกำลังซื้อระดับกลางถึงบนยังมีอยู่เช่นเดิม เพราะลูกค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างมีเงินออม ไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบดังกล่าว
เพอร์เฟคมั่นใจเรียลดีมาน์
วิชัย สิงห์วิชา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบทางด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลงตามภาวะตลาดโลก ,ราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับ ทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงปรับสูงขึ้นนั้น ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อบ้านแน่นอน แต่จะกระทบในช่วงสั้น ๆ ส่วนระยะกลางและระยาวไม่มีผลกระทบ ที่สำคัญบริษัทยังเชื่อว่า ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่ต้องการซื้อบ้านจริง (Real Demand)
โดยในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่รวม 7 แห่ง แบ่งเป็นบ้านเดี่ยวระดับ 4 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์เพอร์เฟค พาร์ค 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่รามคำแหง-สุวรรณภูมิ และรัตนาธิเบศร์ ,บ้านดี่ยว ระดับ 5-6 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์เพอร์เฟค เพลส 3 แห่ง ตั้งอยู่ที่พระราม 5 -ราชพฤกษ์,รามคำแหง-สุวรรณภูมิ และรัตนิเบศร์,และบ้านเดี่ยว ระดับ 8 ล้านบาทขึ้นไป ภายใต้แบรนด์เพอร์เฟค มาสเตอร์พีช 2แห่ง ตั้งอยู่ที่รัตนาเบศร์ และสาทร
"กลยุทธ์ของเพอร์เฟค จะเน้นการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด โดยเฉพาะไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกในการใช้ชีวิต และการเดินทาง โดยทุกโครงการจะพัฒนาใกล้กับระบบโครงข่ายคมนาคม "
คิวเฮ้าส์รักษาฐานลูกค้าไฮเอนด์
ด้านเรืออากาศเอก กรี เดชชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายโครงการบ้าน 5 บมจ. ควอลิตี้ เฮ้าส์ กล่าวว่า บริษัทมีนโยบายรักษาฐานลูกค้าระดับบน ภายใต้แบรนด์ "พฤกษ์ภิรมย์" โดยมุ่งพัฒนาโครงการใหม่ในพื้นที่ที่เหมาะสมกับการทำตลาดบ้านในแบรนด์ดังกล่าวที่มีราคาขายเฉลี่ย ตั้งแต่ 15 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้าระดับ hi-end กว่า 6,000 ราย ในทำเลเกษตร-นวมินทร์,สุขุมวิท,สารทร และพระราม2
จากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับกำลังซื้อลดลง ทำให้การหาทำเลที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ "พฤกษ์ภิรมย์"ยากขึ้น โดยปัจจุบันมีพื้นที่ในย่านฝั่งธนฯ เพียงทำเลเดียวเท่านั้นที่สามารถพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ดังกล่าวได้ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ซื้อที่ดินในย่านดังกล่าวแล้ว 2 แปลง เฉลี่ย 60-70 ไร่ ต่อแปลง แต่ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาในการพัฒนาได้
นอกจากนี้ยังมีนโยบายขยายโครงการภายใต้แบรนด์ "ลัดดารมย์" อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนพัฒนาที่ดินย่านศรีนครินทร์ กว่า 35 ไร่ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท สำหรับสร้างบ้านเดี่ยวระดับราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดการขายในปีหน้า ขณะเดียวกันยังซื้อที่ดินย่านรัตนาธิเบศร์เพื่อเปิดโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ "ลัดดารมย์" อีก 1 แห่ง บนพื้นที่ 60 ไร่ ราคากว่า 15 ล้านบาท มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท
ไรมอนปรับแบบห้องชุด
ส่วนไนเจิล เจ.คอร์นิค กรรมการผู้อำนวยการบมจ.ไรมอน แลนด์ กล่าวว่า จากปัจจัยลบที่เกิดขึ้น กระทบต่อกำลังซื้อบ้าน โดยบริษัทได้ปรับตัว เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะการณ์ที่เปลี่ยนไป โดยมุ่งเน้นการลงทุนโครงการระดับบนเป็นหลัก เพราะกลุ่มเป้าหมายระดับนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ โดยล่าสุด ได้เปิดตัวโครงการเดอะ ล็อฟท์ เย็นอากาศ เป็นคอนโดมิเนียมกลางเมือง ราคาเฉลี่ย 3.6-25 ล้านบาท จำนวน 176 ยูนิต ขนาด 55-312 ตร.ม.
โครงการดังกล่าว บริษัทได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบลงทุน จากในอดีต ออกแบบเป็นห้องชุดขนาดใหญ่ จำนวน 60 ยูนิตเศษ แต่เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทเห็นว่า สภาพตลาดและเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยต่อการขายโครงการที่มีราคาแพง จึงได้ปรับรูปแบบการลงทุนมาเป็นห้องขนาดเล็กลงเพื่อให้มีราคาถูกลง และเชื่อว่าจากการปรับแผนลงทุนจะทำให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้เร็วกว่ารูปแบบเดิม ซึงตั้งเป้ายอดขายราว 40% ในช่วงกลางเดือนหน้า
|