เปิดตัวเลขโครงการที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ครึ่งปีแรก มูลค่าลดฮวบ เหลือ 182 โครงการ มูลค่ารวม 8 หมื่นล้าน ขณะที่ปี 2547 ทั้งปี มูลค่ารวมกว่า 2 .47 ล้านบาท เหตุผู้ประกอบการหันขายบ้านถูก แอล.พี.เอ็น ครองแชมป์ยูนิตเปิดขายมากอันดับหนึ่ง ขณะที่เอเชี่ยนฯ ครองแชมป์ มูลค่าสูงสุด รัชดา-ลาดพร้าว ทำเลทอง จัดสรรแห่เปิดคอนโดฯ
บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส จำกัด หรือ AREA รายงานสถานการณ์โครงการที่อยู่อาศัยในช่วงครึ่งปีแรก โดยการสำรวจตลาดอสังหาฯในช่วงครึ่งปีแรก ( ม.ค.- มิ.ย.) พบว่าอัตราการขยายตัวของมูลค่าที่อยู่อาศัยในปี 48 เปรียบเทียบกับปี 47 ลดลงกว่า 30% โดยช่วงครึ่งปีแรกของปี2547 มูลค่าตลาดอสังหาฯมีอยู่ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท ในขณะที่มูลค่าของตลาดอสังหาฯในครึ่งปีแรกของปีนี้มีอยู่ประมาณ 80,592 ล้านบาท ซึ่งการลดลงของมูลค่าตลาดเกิดจากการที่ผู้ประกอบบการหันมาผลิตสินค้าที่มีขนาดและราคาขายลดลง เพื่อจับกลุ่มลูกค้าในตลาดใหญ่ คาดว่ามูลค่าตลาดรวมอสังหาฯทั้งปี จะมีอยู่ประมาณ 160,000 -180,00 ล้านบาท
โสภณ พรโชคชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเจนซี่ฯ กล่าวว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2548 โครงการเปิดขายมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีจำนวนโครงการใหม่ที่เปิดขายทั้งสิ้น 182 แห่ง จำนวน 26,353 ยูนิต รวมมูลค่าทั้งสิ้น 80,592 ล้านบาท ขณะที่ตลอดปี 2547 มีจำนวนโครงการเปิดขายใหม่ 435 แห่ง จำนวน 65,495 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 2.47 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ หากพิจารณาทั้งจากจำนวนโครงการ และจำนวนยูนิต ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ จะพบว่า ลดลงเหลือไม่ถึงครึ่งหนึ่งจากจำนวนโครงการและจำนวนยูนิตของทั้งปี 2547 อย่างไรก็ตาม เมื่อแยกระหว่างผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กับบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ พบว่า ในจำนวนมูลค่า 80,592 ล้านบาทนั้น เป็นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 36,753 ล้านบาท หรือประมาณ 46% ขณะที่มูลค่าที่เหลืออีก 43,839 ล้านบาท หรือ 54% นั้น เป็นของบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์
ส่วนจำนวนยูนิตที่มีทั้งหมด 26,353 ยูนิตนั้น เป็นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 11,244 ยูนิต คิดเป็น 43% ราคาขายเฉลี่ย 3.2 ล้านบาท/ยูนิต และอีก 15,109 ยูนิต หรือคิดเป็น 57% เป็นของบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ ราคาขายเฉลี่ย 2.9 ล้านบาท/ยูนิต
ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ประกอบการอสังหาฯ ที่มีสินค้าออกสู่ตลาดมากสุด 5 อันดับ บมจ.แอล.พี.เอ็น.ฯ ครองแชมป์มีสินค้าออกสู่ตลาดมากที่สุด ประมาณ 2,390 ยูนิต มูลค่า 4,807 ล้านบาท รองลงมาคือ บมจ.พฤกษาฯ 1,809 ยูนิต มูลค่า 2,616 ล้านบาท อันดับสามคือ บมจ.ศุภาลัย 1,429 ยูนิต มูลค่า 1,597 ล้านบาท ที่เหลือคือ บมจ.เอเชี่ยนฯ 1,277 ยูนิต มูลค่า 6,254 ล้านบาท และ บมจ.เอสซี แอสเสท 572 ยูนิต มูลค่า 2,504 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาด้านมูลค่าโครงการที่เปิดขาย จะพบว่า บริษัท เอเชี่ยนฯ มีมูลค่ามากที่สุด รวม 6,254 ล้านบาท รองลงมาคือ บมจ.แอล.พี.เอ็น. 4,807 ล้านบาท อันดับสาม คือ บมจ.ควอลิตี้ เฮ้าส์ 4,006 ล้านบาท ที่เหลือคือบริษัท บมจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 3,722 ล้านบาท และบมจ.พฤกษาฯ 2,616 ล้านบาท
สำหรับทำเลที่มีการเปิดขายจำนวนยูนิตมากที่สุด คือ รัชดา-ลาดพร้าว 2,728 ยูนิต มูลค่า 3,047 ล้านบาท โดยสินค้าที่มีการเปิดขายมากที่สุด ในย่านดังกล่าวได้แก่ ห้องชุดคอนโดมิเนียม ระดับราคา 5 แสนล้านบาท - 1 ล้านบาท จำนวน 1,745 ยูนิต มียอดขายแล้วกว่า 1,421 ยูนิต รองลงมาคือทำเล รังสิต คลอง 1-7 จำนวน 2,455 ยูนิต มูลค่า 5,417 ล้านบาท 3. ยานนาวา-สีลม 1,826 ยูนิต มูลค่า 9,991 ล้านบาท 4. ลำลูกกา 1,475 ยูนิต มูลค่า 4,442 ล้านบาท และ 5. ปทุมวัน 1,377 ยูนิต มูลค่า 6,712 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในแง่มูลค่าโครงการ ย่านยานนาวา-สีลม ครองแชมป์มูลค่าสูงสุด คือ 9,991 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์จนถึงครึ่งปีหลังนี้จะลดลงในแง่ของมูลค่า ส่วนจำนวนยูนิตลดลงเพียงเล็กน้อย แสดงว่าผู้ประกอบการจัดสรรหันมาทำบ้านราคาถูกลง ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่จะสามารถซื้อที่อยู่อาศัยได้ในราคาถูก ทั้งนี้ ผู้บริโภคที่ฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวยังไม่มั่นคง ควรเก็บเงินไว้ นอกจากนั้นจากปัจจัยที่เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก จะส่งผลกระทบไปถึงช่วงครึ่งปีหลัง ที่จะทำให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจยากมากขึ้น
|