|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
แหลมผักเบี้ยพ่นพิษ ใส่ปูนกลางอย่างจัง หมดหวังป้อนปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษรับโปรเจกต์แหลมผักเบี้ย ฝากความหวังสุดท้ายภาครัฐผุดโครงการเมกะโปรเจกต์ ลุ้นพันธมิตร"ชิโน-ไทย"คว้างานก่อสร้าง พร้อมให้เงื่อนไขพิเศษ ลด แลก แจก แถม ล่อใจผู้รับเหมาสั่งปูนอินทรีลุยโปรเจกต์ยักษ์
ทันทีที่ภาครัฐออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถก่อสร้างโครงการแหลมผักเบี้ยได้ตามแผนเดิมที่วางไว้ บมจ.ปูนซิเมนต์นครหลวง หรือ sccc จึงพลาดหวังที่จะเป็นผู้ซัปพอร์ตปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษให้กับโครงการดังกล่าวไปโดยปริยาย แต่ก็ยังพอมีความหวังเล็กๆ ที่แม้จะค่อนข้างริบหรี่ sccc ก็ยังหวังว่าภาครัฐจะกลับไปลงทุนในเส้นทางเดิมที่วางแผนไว้ในระยะแรก แม้จะสร้างยอดขายได้ไม่สูงเท่าปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้ sccc ตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงกับการซัปพอร์ตสินค้าให้กับโครงการแหลมผักเบี้ย โดยทุ่มทุนและใช้เวลาในการค้นคว้าวิจัยเพื่อพัฒนาปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษ ที่เรียกว่า"Sulfate" ซึ่งทนต่อแรงกัดกร่อนของน้ำทะเล และสามารถนำไปใช้ก่อสร้างในโครงการที่ต้องวางระบบงานฐานรากในน้ำทะเลได้
โดย จันทนา สุขุมานนท์ รองประธานบริหาร สายการตลาดและการขาย sccc กล่าวว่า โครงการแหลมผักเบี้ยเป็นกรณีตัวอย่างที่ดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า sccc ได้พยายามแล้วในการพัฒนาปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษที่สามารถนำไปใช้สำหรับการก่อสร้างในน้ำทะเลได้ แต่เมื่อโครงการไม่เกิดขึ้น sccc ก็ยังมุ่งมั่นที่จะพัฒนาปูนซีเมนต์ชนิดพิเศษให้สำเร็จและมีประสิทธิภาพต่อไป โดยสามารถนำมาใช้สำหรับการก่อสร้างในน้ำทะเลได้จริง
อย่างไรก็ตาม แม้จะพลาดหวังจากโครงการแหลมผักเบี้ย แต่ sccc ยังฝากความหวังไว้กับโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐที่จะกำลังเกิดขึ้นในอนาคต โดย จันทนา กล่าวว่า การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ มูลค่า 1.7 ล้านล้านบาท เป็นการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการใช้ปูนซีเมนต์เกือบ 60% ประกอบด้วย โครงการ Mass Transit ,Transportation และ Real Estate ที่มีสัดส่วนการลงทุน 25%,19% และ 12% ตามลำดับ
จากปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ ประกอบกับความไม่ชัดเจนของภาครัฐในการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ ทำให้ sccc คาดว่าอาจทำยอดขายในปีนี้ไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ แต่ sccc ก็ยังเชื่อว่าในท้ายที่สุดโครงการเมกะโปรเจกต์จะต้องเกิดขึ้น แต่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และจะมีการลงทุนในโครงการใดบ้างนั้นขึ้นอยู่กับนโยบายการลงทุนของภาครัฐเป็นหลัก ซึ่งหากมีการลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ประเภทการก่อสร้างถนน หรือท่อน้ำ ก็จะเอื้อประโยชน์ต่อ sccc เพราะโครงการดังกล่าวต้องใช้ปูนซีเมนต์เพื่อการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าโครงการเมกะโปรเจกต์จะทำให้ตลาดปูนซีเมนต์มีอัตราการเติบโต 8-10% ในปีหน้า
ลุ้นซิโน-ไทยคว้างงานรัฐ
จันทนา กล่าวว่า ในเบื้องต้น sccc ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมียอดจัดส่งสินค้าให้กับโครงการเมกะโปรเจกต์เป็นจำนวนเท่าใด เพราะต้องขึ้นอยู่กับการสั่งซื้อสินค้าของผู้รับเหมา ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีผู้รับเหมารายใดสั่งซื้อสินค้าของ sccc บ้าง แต่เชื่อว่าหาก ซิโน-ไทยฯ สามารถประมูลงานก่อสร้างได้เป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้ sccc มีโอกาสในการขายปูนซีเมนต์ได้มากขึ้น เพราะ sccc มีสายสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มซิโน-ไทยฯ แต่ขึ้นอยู่กับว่ากลุ่มซิโน-ไทยฯเลือกที่จะสั่งซื้อปูนซีเมนต์จาก sccc หรือไม่หรือจะสั่งซื้อเป็นจำนวนเท่าใด
"ปัจจุบันตลาดปูนซีเมนต์มีการแข่งขันสูงโดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา ซึ่ง sccc จะนำกลยุทธ์ดังกล่าวมาใช้ในการแข่งขันควบคู่ไปกับการเพิ่ม option พิเศษ เพื่อสร้างแรงจูงใจไม่ว่าจะเป็นการให้ส่วนลด และของแถมที่ทำให้คู่ค้าสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้สูงสุด"จันทนา กล่าวว่า
ขณะนี้ผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจปูนซีเมนต์ทุกรายต่างประสบปัญหาต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ เพราะตลาดปูนซีเมนต์มีการแข่งขันสูงและเป็นสินค้าควบคุมของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ โดยขณะนี้ sccc แบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นถึง 15% แต่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ ดังนั้น จึงต้องหาแนวทางแก้ไขโดยการบริหารต้นทุนให้สอดคล้องกับราคาขาย และหาช่องทางตลาดใหม่ๆที่นำสินค้าไปจำหน่ายแล้วได้ราคาดีที่สุด
โดยในเบื้องต้น sccc มีแผนปรับอัตราส่วนลดที่ให้กับเอเย่นต์ลง และในอนาคตอาจยื่นขอปรับราคาขายหน้าโรงงานเพิ่มขึ้น แต่ไม่เกินเพดานราคาขายที่กรมการค้าภายในกำหนดไว้ โดยปัจจุบันมีราคาขายหน้าโรงงาน 500 บาทต่อตัน สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 48 sccc มียอดขายรวม 6.4 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 4.1 ล้านตัน ยอดส่งออก 2.3 ล้านตัน โดยมียอดขายรวม 11,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 14% และคาดว่าตลาดปูนฯในปีนี้จะมีอัตราการขยายตัว 12% โดย sccc ตั้งเป้าหมายยอดขายเพิ่มขึ้น 10%ภายในสิ้นปีนี้ แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 8 ล้านตัน และส่งออกอีก 4 ล้านตัน
|
|
|
|
|