อินเด็กซ์ประกาศรุกตลาดเฟอร์นิเจอร์ ทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาท เปิดลิฟวิ่ง มอลล์เพิ่มอีก 3 สาขา ทั้งกรุงเทพฯและเชียงใหม่ พร้อมเพิ่มพื้นที่ขายสูงสุดถึง 14,000 ตารางเมตร ปี 48 หวังดันยอดขายทะลุ 5,000 ล้านบาท เผยปรับเพิ่มโซนเฮลตี้ สลิปปิ้ง รับกระแสสุขภาพมาแรง เอาใจลูกค้า
กิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท บางกอก อินเตอร์เฟิร์น ผู้ประกอบการอินเด็กลิฟวิ่ง มอลล์ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง ในปีหน้า ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ 2 แห่ง ได้แก่ ที่พระราม 2 และเพชรเกษม และเชียงใหม่อีก 1 แห่ง โดยจะเพิ่มพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นจากเดิมเฉลี่ยสาขาละ 6,000-10,000 ตารางเมตร เป็น 10,000-14,000 ตารางเมตร เพื่อรองรับกำลังซื้อตามแนวโน้มการซื้อบ้านและเฟอร์นิเจอร์ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก
โดยสาขาที่เชียงใหม่จะมีพื้นที่ใช้สอย 14,000 ตารางเมตร ส่วนสาขาพระราม 2 และสาขาที่ร่วมกับบริษัท สยามฟิวเจอร์ ในย่านเพชรเกษมจะมีพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร ใช้งบลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 300-350 ล้านบาท
ส่วนสาขาที่สยามพารากอน มีพื้นที่ 800 ตารางเมตร เนื่องจากอยู่ในศูนย์การค้าที่มีพื้นที่จำกัด ใช้งบลงทุน 110 ล้านบาท รูปแบบจะเป็นเทรนดีไซน์ซึ่งต่างจากสาขาอื่น เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายเอบวกขึ้นไป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสยามพารากอน
นอกจากนี้ จะให้ความสำคัญกับการขยายตัวแทนจำหน่ายในรูปแบบอินเด็กซ์เฟอร์นิเจอร์เซ็นเตอร์มากกว่าตัวแทนจำหน่ายทั่วไป เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับตราสินค้า และล่าสุดได้ปรับโฉมอินเด็กซ์ลิฟวิ่งมอลล์ใหม่ โดยเพิ่มโซนเฮลท์ตี้ สลีปปิ้ง เพื่อให้ลูกค้าทดสอบการนอนที่นอนก่อนการตัดสินใจซื้อ ซึ่งจะเริ่มจากสาขาภูเก็ตเป็นแห่งแรกและจะทยอยปรับปรุงให้ครบทั้ง 6 แห่งภายในต้นปี 2548 ใช้งบปรับปรุงโซนใหม่ในทุกสาขารวม 11 ล้านบาท และจะใช้งบในการโฆษณาประมาณ 10 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แผนการเปิดให้บริการโซนดังกล่าว บริษัทจะปรับปรุงและเปิดให้บริการอีก 3 สาขาก่อนสิ้นปีนี้ คือ สาขาบางนา รังสิต และพัทยา โดยทั้ง 3 สาขา ได้จัดให้มีการลดพื้นที่ในโซนเฟอร์นิเจอร์เครื่องหวายลง เพื่อนำมาขยายเป็นพื้นที่เฮลตี้ สลิปปิ้ง โซน
"ต้องยอมรับว่า ถ้ามองในด้านยอดขาย การใช้กลยุทธ์นี้ทำให้เสียพื้นที่ขายไปมาก แต่เรามองเรื่องการมุ่งตอกย้ำจุดยืนของบริษัทและเน้นความแตกต่างด้วยการนำเสนอความเป็น สเปเชียล ลิสต์ เรื่องสุขภาพการนอนและการพักผ่อนมากกว่า"
โซนดังกล่าวจะมีการเพิ่มพื้นที่จำหน่ายสินค้ากลุ่มเตียงนอน โดยจัดตั้งเตียงนอนถึง 8 ประเภท จำนวน 4 ยี่ห้อ ให้ลูกค้าได้ทดลองนอนประมาณ 10 นาทีต่อเตียง รวมทั้งมีผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกคอยให้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อ เพื่อสร้างจุดขายให้แตกต่างจากคู่แข่ง ที่ผู้ขายจะแนะนำเฉพาะยี่ห้อและคุณสมบัติเท่านั้น เนื่องจากการวิจัยลูกค้าส่วนใหญ่พบว่าต้องการที่นอนสปริงที่นอนแล้วไม่ปวดหลัง ใช้วัสดุป้องกันไรฝุ่น และต้องระบายอากาศได้ดี
ทั้งนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้ยอดขายของกลุ่มบางกอกฯ ในปีนี้เติบโตประมาณ 10% หรือประมาณ 5,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา ซึ่งทำยอดขายได้ 4,500 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดรวมเฟอร์นิเจอร์ในปีนี้ซึ่งอยู่ที่ 30,000-40,000 ล้านบาท
"ปีหน้า สินค้าประเภทโซฟา เบด จะเป็นกระแสที่แรงมาก เนื่องจากเป็นนวัตกรรมใหม่ด้านโซฟา เบด ที่มีการตอบรับดี ในส่วนของบริษัท จะเน้นสินค้าเพื่อสุขภาพเป็นหลัก เช่น สินค้าประเภทที่นอนและโซฟา เบด และคาดว่าผู้ประกอบการจะเข้ามาทำตลาดสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น ทำให้มีการขยายตัวเพิ่มอีก 35% โดยเราอาจจะเพิ่มความหลากหลาย ด้วยการนำเทคโนโลยีป้องกันไรฝุ่นมาเป็นจุดขาย บริษัทได้เตรียมงบการตลาดในปีหน้ารวมกว่า 100 ล้านบาท" กิจจา กล่าว
|