|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ปฏิเสธเป็นตัวการบีบให้พนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ต้องฆ่าตัวตาย เพราะรับแรงกดดันจากธนาคารไทยพาณิชย์ ในการทำเป้ายอดขายกรมธรรม์ไม่ไหว ผู้บริหารชี้แบงก์อื่นที่เดินหน้าการเป็นแบงก์ที่ให้บริการการเงินอย่างครบวงจรก็ทำเช่นเดียวกัน คาดปีนี้มียอดขายผ่านแบงก์ไทยพาณิชย์ประมาณ 4.1 พันล้านบาท
นายโดนอลด์ คาร์ดีน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) หรือ SCNYL เปิดเผยถึงกระแสข่าวที่พนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)ได้รับแรงกดดันในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามเป้าหมายของธนาคารจนถึงขั้นต้องฆ่าตัวตายว่า เชื่อว่าธนาคารไทยพาณิชย์ไม่สร้างแรงกดดันจนเป็นสาเหตุที่ให้พนักงานบางคนต้องฆ่าตัวตาย เนื่องจากมีธนาคารพาณิชย์หลายแห่งที่มีการดำเนินธุรกรรมทางการเงินแบบครบวงจร (ยูนิเวลเซลแบงก์) เช่นเดียวกับธนาคารไทยพาณิชย์
“ธนาคารไทยพาณิชย์ทำหน้าที่เหมือนโบรกเกอร์ในการขายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต และยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต ซึ่งจากเดิมที่ถืออยู่ 25% ก็เพิ่มสัดส่วนเป็น 43.34% เพื่อให้สามารถควบคุมการบริหารและเสนอบริการที่ดีที่ให้ตรงตามความต้องการลูกค้าได้”
นายคาร์ดีน กล่าวว่า การขายผลิตภัณฑ์ของไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ พนักงานของธนาคารต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับความต้องการลูกค้า ซึ่งหากลูกค้าซื้อกรมธรรม์ไปแล้วไม่พอใจก็สามารถคืนกรมธรรม์ได้ภายใน 15 วัน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาก็มีน้อยมาก ดังนั้นการทำงานให้ได้ตามเป้าหมายจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเสนอผลิตภัณฑ์ให้ได้ตามเป้าหมายโดยไม่คำนึงถึงความต้องการลูกค้า โดยปัจจุบันมียอดขายกรมธรรม์ผ่านธนาคารประมาณ 3,000 กรมธรรม์ต่อเดือน
ด้านนายอิกนาสิโอ อากีล่าร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การทำงานร่วมกันระหว่างธนาคารไทยพาณิชย์กับไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ในการเสนอขายผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้า ด้านธนาคารไทยพาณิชย์จะเป็นส่วนที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบาย กลยุทธ์การเสนอขาย ในขณะที่ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์จะเป็นเพียงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ของบริษัทเท่านั้น อย่างไรก็ตามในปีนี้ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ตั้งเป้าหมายจะเสนอขายผลิตภัณฑ์ผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ให้ได้ 4.1 พันล้านบาท
ในช่วงที่ผ่านมาช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ซึ่งป็นช่องทางการจำหน่ายที่สามารถผลิตภัณฑ์เบี้ยปีแรกมากสุดถึง 85% โดยในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะขยายฐานตลาดสู่ลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี)ตามกลยุทธ์ของธนาคารไทยพาณิชย์จากปัจจุบันที่มีอัตราการถือครองกรมธรรมเพียง 15% ถือเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทจะรุกลูกค้ากลุ่มนี้
นอกจากนี้ ภายในสิ้นปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายให้ได้เบี้ยรับรวมเพิ่มขึ้น 48% หรือประมาณ 8.6 พันล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนข้างหน้า บริษัทจะเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ และออกกรมธรรม์ใหม่ๆทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว โดยคาดว่าจะได้รับอัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 4-5% นอกจากนี้ยังเตรียมขยายธุรกิจผ่านช่องทางที่หลากหลายมากขึ้นนอกจากช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ได้แก่ สร้างตัวแทนให้ได้1,000 คนภายในสิ้นปี เปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง และพัฒนาระบบซอฟร์แวร์ให้ทันสมัยและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ในช่วงเดือนมกราคม-กรกฎาคม ที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยรับรวมทั้งสิ้น 4,888 ล้านบาท หรือเติบโตถึง 63% และบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายลงได้ ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์สามารถพลิกมาทำกำไรสุทธิได้ถึง 69 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิถึง 65 ล้านบาท และขยับจากอันดับ 7 มาอยู่ที่อันดับ 4 และมีส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 5.4%
นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายสูงสุดในเครือขายของนิวยอร์คไลฟ์อินเตอร์เนชั่นแนลในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งได้แก่ จีน อินเดีย ฮ่องกง ไต้หวัน ฟิลิปินส์และเกาหลี หรือคิดเป็น 34%ของเบี้ยประกันใหม่ทั้งหมดที่มีอยู่ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ ได้รับเบี้ยปีแรกมากสุดถึง 2,436 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22% และเมื่อรวมเบี้ยปีแรกของเครดิตไลฟ์ที่ขายผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์อีก 84 ล้านบาท ทำให้เบี้ยปีแรกของแบงก์แอสชัวรันส์ทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 2,520 ล้านบาท ซึ่งยอดขายติด 1 ใน 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้นำตลาดในประเทศไทย
|
|
|
|
|