ไทยพุ่งเป้า เจาะฐานการผลิตในจีน เสนอแนวทาง "หนึ่งมณฑล หนึ่งผลิตภัณฑ์" วางงบหมื่นล้านสร้างฐานการผลิตทั่วทุกภาคในจีน "สมคิด" หวังสร้างฐานข้อมูลการค้าระดับชาติ เสนอบีโอไอ ประสานฐานข้อมูลการค้า การลงทุน กับฝ่ายจีน เผยการค้ายุคไร้พรมแดน ต้อง "รู้เขา รู้เราและรู้แจ้ง เห็นจริง" สร้างตลาดด้วยกลยุทธ์ข้อมูลข่าสาร

แนวทางการเจาะตลาดการค้าในประเทศจีน นับเป็นก้าวย่างสำคัญที่รัฐบาลไทยกำลังหาลู่ทางและกลยุทธ์ใหม่ๆเพื่อสร้างฐานการขยายตัวให้รวดเร็ว

เร่งศึกษาข้อมูลรายมณฑล

ในการประชุมผู้เกี่ยวข้องด้านการค้า ของกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานด้านการลงทุนของไทย สำนักคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ล่าสุด ได้หยิบยกถึงประเด็นปัญหาการทำการค้า การลงทุน ในจีนที่ผ่านมา โดยระบุว่าการค้า การลงทุน ซึ่งเป็นปัญหาของไทย และทำให้ไทยเสียเปรียบจีนมาตลอด คือ การขาดข่าวสารข้อมูลด้านการค้า และการลงทุนในจีน โดยเฉพาะเงื่อนไข กฎระเบียบต่างๆ ฝ่ายไทยยังมีไม่เพียงพอ ทำให้เป็นจุดอ่อนสำคัญของไทยที่ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น

ปัญหานี้เอง ที่สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า ภาคส่งเสริมการลงทุนของไทย ขาดข่าวสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้านการลงทุนในจีน เนื่องจาก จีนเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล ทำให้การหาข้อมูลทั้งหมดในจีน อาจทำได้ไม่ทั่วถึง และได้ประโยชน์ที่ดีพอ

ขณะนี้จึงมีการเสนอให้ สำนักคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เป็นแกนกลางในการศึกษาข้อมูลแต่ละมณฑลในจีน โดยจะต้องประสานกับตัวแทนรัฐบาลจีน เพื่อหาฐานข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุน เช่น ต้องรู้ว่าแต่ละมณฑลใดมี ความต้องด้านไหน มีวัตถุดิบประเภทใด ตลาดผู้บริโภคมีลักษณะเช่นใด

ทั้งนี้ มีการระบุว่า บีโอไอมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ในจีน เพียง 3 คน เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก ในอนาคตจะเพิ่มคนเข้าไปประสานกับตัวแทนจีน และจะทุ่มงบกว่าหมื่นเพื่อศึกษาตลาดจีน รวมทั้งวางกลไกให้เกิดผลเร็วที่สุด

หนึ่งมณฑล หนึ่งผลิตภัณฑ์

รายงานข่าวจากบีโอไอ ระบุว่า ตลาดจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ละมณฑลเปรียบได้กับหนึ่งประเทศ ทำให้รายละเอียดต่างๆในด้านการลงทุน การค้า จะต้องใช้เวลาศึกษา แต่หากรัฐบาลจีน ประสานให้ทุกมณฑลส่งรายะเอียดมาให้ฝ่ายไทย พร้อมทั้งประสานให้ทุกมณฑลเอื้อประโยชน์ อำนวยความสะดวกด้านการลงทุน ให้ฝ่ายไทย ย่อมเป็นสิ่งที่ไทยสามารถเข้าไปตลาดจีนได้ง่าย

"หนึ่งมณฑล หนึ่งผลิตภัณฑ์" เป็นอีกแนวคิดหนึ่งที่ใช้เป็นกลยุทธ์ในการรุกเข้าไปในตลาดจีน ได้รับการยอมรับทั้งมาตรฐานการผลิต คุณภาพของสินค้า โดยเบื้องต้นรัฐบาลได้ตั้งงบประมาณการทำโครงการนี้ประมาณหมื่นล้านบาท

ปัจจุบัน บีโอไอ เดินทางไปประสานกับรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละมณฑลเป็นระยะๆ เช่น ที่ฉงชิ่ง เดินทางไปประมาณปีที่แล้ว ปัจจุบันมีนักลงทุนเกือบ 50 แห่ง ลงหลักปักฐานการผลิต ซึ่งได้รับส่งเสริมจากรัฐบาลท้องถิ่นเป็นอย่างดี และได้รับความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้มีถึง 10 บริษัทได้รับการยืนยันว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในฉงชิ่ง

ประเด็นสำคัญอีกจุดหนึ่ง ที่จะทำให้การลงทุนในจีนประสบความสำเร็จ รัฐบาลไทยควรจัดให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างนักลงทุนและนักธุรกิจที่มีประสบการณ์ร่วมกัน เพื่อจะได้รับรู้ถึงปัญหาและอุสปสรรค รวมทั้งโอกาสในการลงทุนใหม่ๆในจีน

โอกาสการลงทุนในจีนในอนาคต มีประเด็นที่น่าติดตามว่า สิ่งที่รัฐบาลไทยพยายามเจรจาหาลู่ทางใหม่ และเอื้อโอกาสให้นักลงทุนไทย แต่หากจีนไม่สนองแนวทางที่ไทยขอความร่วมมือมา ไทยจะยังอยู่ในวังวนที่เสียเปรียบจีนต่อไป อย่างที่สุภาษิตว่าไว้ว่า "คนโง่ ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด"