|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บิ๊กโบรกฯบัวหลวง เชื่อบริษัทแม่ที่เป็นแบงก์จะเป็นฐานกำลังสำคัญช่วยหนุนธุรกิจ จนในที่สุดก้าวสู่ผู้นำธุรกิจได้ เผยที่บัวหลวงไม่กดดันอัตราการเติบโต แต่ต้องโตตามภาวะอุตสาหกรรม ขณะที่ "มนตรี-บล.กิมเอ็ง" มั่นใจ ชื่อเสียงภาพลักษณ์ช่วยย้ำผู้นำนายหน้าค้าหลักทรัพย์ ระบุยังคงสัดส่วนรายได้จากนายหน้าค้าหุ้นไม่ต่ำกว่า 90%
นายปิยะพันธ์ ทยานิธิ กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) และผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจหลักทรัพย์สูงขึ้น ซึ่งความได้เปรียบของการแข่งขันอย่างหนึ่ง คือ การที่บริษัทหลักทรัพย์มีบริษัทแม่ที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการเเข่งขัน โดยการแข่งขันสูงขึ้นหลังจากที่บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งที่มีบริษัทเป็นธนาคามีการแข่งขันกันอย่างชัดเจนขึ้น
ทั้งนี้ แม้ว่าในเมื่องไทยความต่างระหว่างบริษัทหลักทรัพย์ที่มีฐานะลูกค้าจากการดำเนินธุรกิจด้วยชื่อเสียงของตัวเองกับบริษัทหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจในลักษณะต่อยอดทางธุรกิจ ยังไม่ชัดเจนมากนัก แต่ในอนาคตความได้เปรียบในเรื่อง ดังกล่าวจะเป็นเครื่องชี้วัดความประสบความสำเร็จ ในธุรกิจได้อย่างแน่นอน
"แม้ตอนนี้บล.จะมีหลายประเภท ทั้งที่มีชื่อเสียงเองจากการดำเนินธุรกิจ หรือที่มีบริษัทแม่ควรช่วยหนุน แต่สุดท้ายภาพรวมคงเป็นไปในลักษณะเหมือนในต่างประเทศที่บล.ที่มีฐานที่ช่วยหนุนจะเข้ามาทำให้สัดส่วนของมาร์เกตแชร์ของตลาดรวมเปลี่ยนแปลง และบล.ที่มีฐานของบริษัทแม่ที่เข้มแข็งจะก้าวขึ้นมาได้เอง" นายปิยะพันธ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศ อยู่ในช่วงที่ชะลอตัวลง มูลค่าการซื้อขายในตลาดที่ลดลง อาจจะส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์ต้องหารายได้จากธุรกิจอื่นเพิ่มขึ้นนอกเหนือ จากรายได้ค่านายการซื้อขายหลักทรัพย์ที่อยู่ในระดับสูงเหมือนปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในส่วนของบล.บัวหลวง จะมีการพิจารณาการเลือกธุรกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ ของที่ปรึกษาทางการเงิน การเป็นที่ปรึกษาทาง การเงิน (อันเดอร์ไรเตอร์) อย่างมีระบบและมีการคัดเลือกลูกค้าอย่างมีมาตรฐาน เพื่อป้องกันความเสี่ยงและรักษาคุณภาพทั้งในส่วนของบริษัทหลักทรัพย์ที่ดำเนินหน้าที่และธนาคารที่จะมีส่วนช่วยในเรื่องดังกล่าว
สำหรับความเชื่อมโยงระหว่างธนาคารกรุงเทพ กับ บล.บัวหลวง ตามนโยบายจะไม่มีการ บีบบังคับว่า อัตราการเติบโตของบริษัทจะเป็นอย่างไร แต่อัตราการเติบโตของธุรกิจก็ ควรจะเป็น ไปตามแนวโน้ม(เทรน)ของภาพรวมธุรกิจ
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บล.กิมเอ็ง สามารถดำเนินได้ดีอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่มีบริษัทแม่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เนื่องจากประสบการณ์ที่ยาวนาน และชื่อเสียงที่อยู่ ในธุรกิจนี้ เป็นตัวหนุนให้ปัจจุบันยังได้รับความการสนับสนุนจากนักลงทุน
ทั้งนี้ หากประเมินในแง่ของผลดีจากการที่ บล.บางแห่งมีฐานเป็นธนาคาร เรื่องดังกล่าวส่วนตัวเชื่อว่าธุรกิจนี้จะเริ่มต้นยากในช่วงแรกซึ่งหากระดับมาร์เกตแชร์ปรับขึ้นไปที่ ระดับ 2-3% การเติบโตของบริษัทก็จะขึ้นอยู่ที่ตัวบริษัทเองมากกว่า บริษัทแม่คงมีความจำเป็นที่น้อยลง
"เราได้รับความเชื่อถือมายาวนาน เพราะความพร้อมในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการใช้ข้อมูล การ ดูแลลูกค้า เราจึงยังคงสามารถรักษาฐานลูกค้าและระดับมาร์เกตแชร์ไม่ตกไป" นายมนตรีกล่าว
ในส่วนเรื่องรายได้ของบริษัทปัจจุบันรายได้กว่า 90% ยังมาจากรายได้นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งบริษัทจะยังคงสัดส่วนในระดับดังกล่าว แม้ว่าบล.หลายแห่งจะมีการ ปรับสัดส่วนไปในเรื่อง ด้านวาณิชธนกิจมากขึ้น ซึ่งบริษัทก็อยู่ระหว่างการเตรียมการแต่คงต้องใช้เวลาอีกระยะ แต่ทั้งนี้ปัจจุบันยังถือว่างานในด้านวาณิชธนกิจเป็นสิ่งที่สำคัญ โดยที่ ผ่านมาบริษัทยังได้รับการติดต่อจาก บริษัทขนาดใหญ่ เช่น บมจ.ชิน คอปอเรชั่น, บมจ. อิตาเลียน-ไทยดิเวปล๊อปเม้นท์ หรือการสื่อสาร เป็นต้น ให้ทำหน้าที่ที่ปรึกษาทางการเงิน
"แม้ว่าวอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยจะลดลง แต่ของ บล.กิมเอ็งแม้ว่าจะมีสัดส่วนรายได้ในเรื่องดังกล่าว มากที่สุด แต่การปรับลดลงก็ยังน้อยกว่าบล.อีกหลายราย เพราะเรามีลูกค้าที่ซื้อขาย เป็นประจำจำนวมาก" นายมนตรีกล่าว
|
|
|
|
|