Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์13 ธันวาคม 2547
OECD มองศก.โลกสดสวยไปหรือเปล่า             
 


   
search resources

Economics
องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ




แต่ละปี บรรดาชาติค่อนข้างร่ำรวยของโลก 30 รายที่เป็นสมาชิกขององค์การเพื่อความ ร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (โออีซีดี) ผลิต ขาย และซื้อสินค้าและบริการเป็นมูลค่าประมาณ 30 ล้านล้านดอลลาร์ การพยากรณ์ว่าประเทศเหล่านี้จะทำได้เพิ่มขึ้นอีกสัก 1 ล้านล้าน หรือเพียงแค่ไม่กี่แสนล้าน ตลอดทั้งปีหน้า จึงไม่เคยเป็นเรื่องง่ายดายเลย

เมื่อสิ้นเดือนพฤศจิกายน หลังจากเพ่งพินิจอนาคตผ่านลูกแก้วผลึกของตนอีกคำรบ โออีซีดีก็ประกาศคำทำนายล่าสุดว่า อัตราเติบโตของเหล่าชาติสมาชิกในปีหน้าจะเท่ากับ 2.9% เชื่องช้าลงกว่าฝีก้าวของปีนี้ซึ่งอยู่ที่ 3.6% โชคชะตาของเศรษฐกิจประเทศโออีซีดีดูมืดมัวลงจากช่วงกลางปีนี้ เพราะในตอนนั้นโออีซีดียังคาดหมายว่าปี 2005 เหล่าสมาชิกน่าจะขยายตัวได้สัก 3.3%

ก้อแล้วตอนนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากตอนนั้นล่ะ คำตอบไม่ได้เป็นปริศนาลี้ลับอะไรเลย เมื่อโออีซีดีให้คำพยากรณ์ครั้งก่อนในเดือนมิถุนายนนั้น สมาชิกขององค์การยังสามารถซื้อน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ได้ด้วยราคาราว 32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล พอถึงกลางเดือนตุลาคม พวกเขาต้องจ่าย 50 ดอลลาร์ ในหมู่สมาชิกโออีซีดีทั้งหมด มีเพียงแคนาดา, เดนมาร์ก, เม็กซิโก, นอร์เวย์, และสหราชอาณาจักร (ชั่วระยะเวลาหนึ่ง) เท่านั้น ซึ่งมีฐานะเป็นชาติผู้ส่งออกน้ำมันสุทธิ ที่เหลืออีก 25 ประเทศต้องใช้เงินทองกว่า 260,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อทองคำสีดำเหล่านี้เมื่อปีที่แล้ว

ในปีนี้บิลค่าน้ำมันยังสูงลิ่วกว่านี้มาก กระนั้น ฌอง-ฟิลิปเป โกติส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์โออีซีดี ก็สามารถสรรหาบางถ้อยบางคำอันชวนให้รู้สึกสบายใจมาปลอบโยนประโลมขวัญ โดยเขาชี้ว่ามีหลักฐานหลายอันซึ่งแสดงว่าราคาน้ำมันถูกลากขึ้นสูงจนเกินไปแล้ว อันที่จริงมันได้ถอยลงมาหลายขยักทีเดียวในเดือนพฤศจิกายน

นอกจากนั้น น้ำมันซึ่งแพงลิ่วแม้คงจะทำให้เศรษฐกิจของชาติค่อนข้างร่ำรวยเหล่านี้ชะลอลงสักไตรมาสสองไตรมาส แต่จะไม่ถึงกับทำให้ตกลงสู่ภาวะ "stagflation" (เศรษฐกิจเติบโตต่ำหรือไม่โตเลย ขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อกลับพุ่งสูง) โออีซีดีบอกว่าเรื่องนี้ต้องขอบคุณบรรดาธนาคารกลาง ซึ่งมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อมาเนิ่นนาน จึงป้องกันไม่ให้มีการขึ้นค่าจ้างพุ่งแรงไล่ตามระดับราคาซึ่งทะยานขึ้น

โกติสยอมรับว่า ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่รู้สึกสบายใจกับคำพูดเช่นนี้ของเหล่านักเศรษฐศาสตร์ และเวลานี้ราคาน้ำมันที่ผันผวนยังคงเป็นประเด็นถกเถียงกันหนักหน่วงที่สุดในหมู่สาธารณชน ตลอดจนมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ เพราะเมื่อน้ำมันแพงย่อมทำให้ผู้บริโภคมีเงินเหลือน้อยลงที่จะมาจับจ่าย ไม่เพียงเท่านั้น ยิ่งถ้าพวกเขาถึงขั้นวิตกจนไม่อยากใช้สอยเอาเลยแล้ว ความเสียหายของเศรษฐกิจก็ย่อมมากขึ้นเป็นสองเท่าตัว ดังนั้น บางทีเรื่องสำคัญสุดที่เราจะต้องกลัวในเรื่องราคาน้ำมันก็คือเจ้าความกลัวนี่เอง

ถึงแม้การพยากรณ์ให้ถูกต้อง เป็นเรื่องยากลำบากหนักหนา ทว่าบรรดานักเศรษฐศาสตร์ก็ชื่นชอบที่จะให้คำทำนายทายทักกัน เพราะเศรษฐกิจทั้งหลายมักมีแนวโน้มที่จะเดินตามวัฏจักรอันแสนจะคุ้นเคย นั่นคือมีการเติบโตขยายตัวและการถดถอยหดตัว มีความละโมบและความหวั่นกลัว

อย่างไรก็ตาม ปัญหามีอยู่ว่า ณ ขณะปัจจุบัน ไม่มีกลุ่มเศรษฐกิจหลักๆ (สหรัฐฯ, ยูโร โซน, ญี่ปุ่น) รายใดเลยที่กำลังเดินตามวัฏจักรทางเศรษฐกิจตามปกติ

อเมริกานั้นไม่เคยประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยกันอย่างชนิดเต็มขั้น บริษัทของสหรัฐฯ ปลดคนงานกันเยอะแยะก็จริง แต่ครัวเรือนอเมริกันก็ไม่ได้คิดประหยัดสะสมเงินออมกัน

ยูโรโซนก็ยังไม่เคยฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ความต้องการอันแข็งแกร่งต่อสินค้าของยูโรโซนในต่างแดน ยังมิได้สาดซัดกลับมาทำให้เกิดความต้องการอันแข็งแกร่งภายในบ้าน สำหรับญี่ปุ่น หากจะประยุกต์แนวคิดเรื่อง "วัฏจักร" เศรษฐกิจมาใช้กับประเทศนี้กันจริงๆ แล้ว เห็นทีจะต้องถือว่าวัฏจักรปัจจุบันนั้นกินเวลาเป็นสิบๆ ปี ไม่ใช่แค่เป็นปีๆ

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์โออีซีดีบอกในการพยากรณ์ล่าสุดว่า ทางองค์การ พรักพร้อมที่จะวางเดิมพันอยู่ข้างยุโรป ด้วยการทำนายว่าผู้คนในยูโรโซน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวเยอรมันซึ่งอดออมเหนียวหนึบมานาน เพราะกังวลว่าจะไม่มี จับจ่ายในอนาคตนั้น จะเริ่มต้นใช้สอยกันได้เสียที

ทว่าโอกาสที่โออีซีดีจะชนะ ดูเหมือน จะลดน้อยลงทุกที ตามตัวเลขของคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของอียู อารมณ์ความรู้สึกต่อเศรษฐกิจของผู้คนในยูโรโซน ซึ่งอยู่ในสภาพค่อนข้างมั่นคงเรื่อยมานับแต่เดือนมีนาคม 2003 กลับทรุดต่ำลงในเดือนพฤศจิกา ยน ส่วนพวกโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตทั้งหลายแจ้งว่ากิจกรรมของพวกตนตกต่ำมากที่สุดนับแต่เดือนตุลาคม 2001 ทั้งนี้ตามรายงานการสำรวจของเอ็นทีซี ที่ทำให้กับสำนักข่าวรอยเตอร์

ในส่วนทิศทางอนาคตของเศรษฐกิจญี่ปุ่น รายงานของโออีซีดีก็ทำนายเอาไว้อย่างสดสวยเช่นกัน โดยพยากรณ์ว่าการต่อสู้กับภาวะเงินฝืดที่ญี่ปุ่นต้องดิ้นรนฝ่าฟันมานับสิบปีแล้ว จะถึงจุดจบสิ้นเสียทีในปีหน้า และอัตราดอกเบี้ยของประเทศ ซึ่งอยู่ในระดับเกือบ 0% แทบตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จะขยับขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2006

โกติสเรียกสภาพชะลอตัวทางเศรษฐกิจของแดนอาทิตย์อุทัยในเวลานี้ว่าเป็น "การหยุดชะงักชั่วคราว" แต่เอาเข้าจริงแล้วมันออกจะลำบากมากทีเดียวที่จะวินิจฉัยว่าการหยุดชั่วคราวดังกล่าวนี้จะยืดยาวไปถึงขนาดไหน

ถึงแม้ผลผลิตทางอุตสาหกรรมจะหดตัวลงในเดือนตุลาคม อีกทั้งตัวเลขการว่างงานก็สูงขึ้น ทว่าพวกบริษัทญี่ปุ่นกลับรายงานว่ายอดขายขยายไปได้อย่างมั่นคง การลงทุนแข็งแกร่ง และผลกำไรก็ทะยานขึ้น ทั้งนี้ตามผลสำรวจประจำรอบไตรมาสของกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ซึ่งนำออกเผยแพร่ในวันศุกร์(3) เวลานี้จึงมีนักเศรษฐศาสตร์บางรายหวังว่า ตัวเลขอัตราเติบโตอันน่าสมเพชของญี่ปุ่นในไตรมาสที่แล้ว จะมีการปรับทบทวนให้เพิ่มสูงขึ้น

สำหรับอเมริกา โออีซีดีพยากรณ์ว่าการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอเมริกันจะยังคงอยู่ในระดับเกิน 4% ของจีดีพีในปีหน้าและปีถัดไปจากนั้น ส่วนการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด (ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเงินออมมีน้อยกว่าความจำเป็นในการลงทุนขนาดไหน) ก็จะขยายเพิ่มขึ้นจากระดับ 5.7%ของจีดีพีในปีนี้ เป็น 6.4% ของจีดีพีในปี 2006 (หรือเท่ากับประมาณ 825,000 ล้านดอลลาร์)

ในคำทำนาย โออีซีดีอนุมานว่าโลกจะยังคงปล่อยเงินมาอุดหนุนการขาดดุลเหล่านี้อย่างสบายอกสบายใจ ดังนั้น อัตราเงินเฟ้อระยะยาวในสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ราวๆ 4.3% จึงแค่ขยับขึ้นเป็น 4.7% ในปีหน้า และ 5.3% ในปี 2006 นอกจากนั้นโออีซีดีอนุมานด้วยว่า ตลอด 2 ปีแห่งการพยากรณ์นี้ ค่าเงินดอลลาร์จะไม่ตกลงอีก

ข้ออนุมานทั้ง 2 นี้ โออีซีดีก็ยอมรับว่าไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก อันที่จริงเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงไปกว่า 2% เมื่อเทียบกับเงินยูโรแล้วในช่วงเวลาที่กำลังเตรียมจัดทำคำพยากรณ์นี้กันอยู่   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us