Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์24 ธันวาคม 2547
อึ้ง'รัสเซีย'บังคับขายบ.ลูกยักษ์น้ำมัน ถึงแม้ศาลใน'สหรัฐฯ'ออกโรงสั่งห้าม             
 


   
search resources

Economics
Oil and gas




ยูคอส บริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของรัสเซียซึ่งกำลังลำบากถูกรัฐบาลประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน จ้องเล่นงานแบบแรงๆ ถึงขั้นทำลายทิ้ง กลายเป็นชื่อคุ้นหูคุ้นตายิ่งขึ้นของคนทั่วโลก ในระยะ 2-3 เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาของยูคอสเป็นปัจจัยหนึ่ง ซึ่งถูกผู้เล่นในตลาดหยิบยกขึ้นมาผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบโลกพุ่งลิบลิ่ว

เวลานี้กระแสแตกตื่นน้ำมันแพงได้ลดต่ำลงมาแล้ว แต่ยูคอสยังคงเป็นข่าวดังในแวดวงเศรษฐกิจ เมื่ออาณาจักรน้ำมันรัสเซียแห่งนี้กำลังถึงกาลแตกสลายด้วยอาการไม่ชอบมาพากล นั่นคือ กิจการที่มีมูลค่ามากที่สุดในเครือ ถูกทางการหมีขาวจัดแจงประมูลขายให้แก่บริษัทลึกลับ ซึ่งไม่เคยมีใครได้ยินชื่อมาก่อนจนได้ ถึงแม้ก่อนหน้านั้น ฝ่ายยูคอสพยายามขัดขวางเต็มเหนี่ยว ขนาดดึงเอาศาลสหรัฐฯให้เข้ามามีเอี่ยวด้วย

ผู้ชนะการประมูลซึ่งจัดขึ้นในวันอาทิตย์(19) ไม่เพียงไม่มีใครรู้จัก แต่ยังเป็นเรื่องสุดแสนจะเซอร์ไพรซ์ เนื่องจากแทบจะทุกฝ่ายต่างคาดกันไว้ก่อนหน้านี้ว่า กาซปรอม รัฐวิสาหกิจผูกขาดก๊าซธรรมชาติของรัสเซีย คือตัวเก็งเต็งจ๋าซึ่งน่าจะได้เข้าฮุบ ยูกันคะสะเนฟเตกาซ กิจการที่ถือเป็นยอดเพชรประดับมงกุฎของยูคอสแห่งนี้

เนื่องจากผู้ชนะคราวนี้ อันได้แก่บริษัทที่มีชื่อว่า ไบคาล ฟินันส์ กรุ๊ป ซึ่งจดทะเบียนบริษัทที่เมืองทเวียร์ เมืองเล็กๆ ใกล้กรุงมอสโก ดูมีท่าทางลึกลับเหลือเกิน จึงทำให้เหล่านักวิเคราะห์อุตสาหกรรมน้ำมันเกิดความสงสัยขึ้นว่า ผู้ชนะประมูลซื้อยูกันคะสะเนฟเตกาซรายนี้ อาจจะเป็นเพียงบริษัทหุ่นที่กระทำการแทน กาซปรอม หรือกระทั่งกระทำการแทนรัฐหมีขาว

ฝ่ายตะวันตกซึ่งไม่พอใจตั้งแต่ที่ปูตินทำท่าจ้องทำลายยูคอสแล้ว พากันประโคมข่าวว่า การประมูลคราวนี้ บรรยากาศช่างละม้ายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจตอนต้นทศวรรษ 1990 ในรัสเซีย ซึ่งพวกผู้บริหารภายในรัฐวิสาหกิจแห่งนั้นๆ เป็นผู้นำ และมีการจัดทำแผนการเงินอย่างไม่ชัดเจน รวมทั้งการจัดประมูลก็อยู่ในอาการไม่โปร่งใส ตลอดจนมีการจัดตั้งบริษัทบังหน้าไม่มีใครรู้จักมาก่อน ให้เป็นตัวแทนกลุ่มการเงินทรงอำนาจต่างๆ ในการคืบคลานเข้าไปยึดทรัพย์อันมีค่าเหล่านั้นด้วยราคาถูกๆ

ไบคาล ฟินันส์ กรุ๊ป นั้นชนะได้ทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่สุดของยูคอสไป โดยเสนอราคาแค่ 9,350 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมานิดเดียวจากราคาเริ่มต้นประมูลที่ 8,650 ล้านดอลลาร์ ทว่ายังคงต่ำกว่ามูลค่าราคาตลาดเป็นอันมาก ทั้งนี้ตามความเห็นของพวกวาณิชธนกิจอิสระ ซึ่งยูคอสและรัฐบาลรัสเซียต่างฝ่ายต่างว่าจ้างมาให้ทำเรื่องนี้

ตัวแทนของกาซปรอมได้เข้าร่วมการประมูลด้วย โดยนั่งอยู่ในห้องเดียวกันกับบรรดาคู่แข่ง ตลอดจนคณะเจ้าหน้าที่ของ กองทุนทรัพย์สินรัฐบาลกลางรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ดำเนินการประมูลขายคราวนี้ ทว่ากาซปรอมไม่ได้เสนอราคาแข่งขันด้วยเลย

หลังจากประกาศเริ่มการประมูล เจ้าหน้าที่กาซปรอมได้ลุกออกจากห้องเพื่อต่อสายโทรศัพท์ ตอนที่เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกลับเข้าไปในห้องสองสามนาทีถัดมา ไบคาล ฟินันส์ กรุ๊ปก็ได้เสนอราคาครั้งที่สอง ซึ่งเป็นราคาที่ทำให้ชนะด้วย นั่นคือ 260,753 ล้านรูเบิล หรือ 9,350 ล้านดอลลาร์

อ่านกันว่าเหตุที่การประมูลคราวนี้ออกจะมีบรรยากาศชอบกลเช่นนี้ น่าจะเป็นผลโดยตรงจากการที่ยูคอสไปยื่นขอความคุ้มครองจากศาลล้มละลายสหรัฐฯในเมืองฮิวสตัน, มลรัฐเทกซัส เมื่อวันพฤหัสบดี(16) แล้วขอให้ศาลของอเมริกาแห่งนี้ออกคำสั่งชั่วคราว ห้ามไม่ให้ใครเข้าประมูลหรือให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้เข้าประมูลยูกันคะสะเนฟเตกาซ

ปรากฏว่าศาลสหรัฐฯออกคำสั่งห้ามตามการร้องขอ ถึงแม้ทางการรัสเซียจะแถลงในวันศุกร์(17) ประณามการกระทำของศาลในฮิวสตัน พร้อมกับประกาศว่าศาลของอเมริกาแห่งนั้นย่อมไม่มีอำนาจจะมาตัดสินความในแดนหมีขาว ดังนั้นการประมูลขายยูกันคะสะเนฟเตกาซ จะเดินหน้าตามกำหนดเดิม

แต่จริงๆ แล้ว กาซปรอม ตลอดจนบรรดาสถาบันการเงินตะวันตกที่ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่รัฐวิสาหกิจรัสเซียแห่งนี้ ย่อมมีความหวั่นเกรงว่าจะถูกเล่นงานหากหักหาญไม่ฟังคำสั่งศาลฮิวสตัน โดยเฉพาะในเมื่อพวกเขาต่างยังต้องไปทำมาหากินในอเมริกาในโลกตะวันตกกันทั้งนั้น

นักวิเคราะห์มองว่า ด้วยเหตุนี้เองกราซปรอมจึงไม่แสดงตัวเข้าประมูลคราวนี้

เป็นไปได้เหมือนกันที่ตัวจริงเสียงจริงที่ใช้ไบคาล ฟินันส์ กรุ๊ปเป็นบริษัทบังหน้า อาจจะเป็นบริษัทน้ำมันรัสเซียซึ่งร่ำรวยเงินสดรายอื่นๆ อย่างเช่น ซูร์กุตเนฟเตกาซ

ทว่านักวิเคราะห์ออกจะเชื่อมากกว่าว่า น่าจะเป็นกาซปรอมนั่นแหละ โดยอาจจะเป็นกลไกซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อให้กาซปรอมมีเวลามากขึ้นในการวิ่งเต้นหาเงินสนับสนุน เนื่องจากสถาบันการเงินเจ้าเดิมซึ่งเคยจับมือกัน ได้แก่ ดอยช์แบงก์ กับคณะ ต่างประกาศถอนตัวภายหลังศาลฮิวสตันออกคำสั่ง

สื่อฝ่ายตะวันตกต่างรายงานว่า การประมูลในวันอาทิตย์(19) เต็มไปด้วยผิดปกติและสับสนยุ่งเหยิง เป็นต้นว่า สื่อมวลชนได้รับเชิญให้เข้าชมการแข่งขันเสนอราคาซึ่งจัดขึ้นในตอนบ่าย ณ สำนักงานของกองทุนทรัพย์สินรัฐบาลกลางรัสเซีย ทว่าต้องชมผ่านทางโทรทัศน์วงจรปิด

หลังจากการประมูลผ่านไปได้ 10 นาที คณะกรรมการจัดการประมูลก็ประกาศด้วยมติเอกฉันท์ว่า ไบคาล ฟินันส์ กรุ๊ป คือผู้ชนะ ได้เป็นเจ้าของยูกันคะสะเนฟเตกาซ ซึ่งครอบครองบ่อน้ำมันที่รวมๆ กันแล้วมีศักยภาพในการผลิตน้ำมันมากพอๆ กับที่อินโดนีเซียทั้งประเทศสูบขึ้นมาได้

ภายหลังชนะการเสนอราคาแล้ว ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของไบคาลหลบหน้าไม่ยอมออกมาปรากฏตัวแถลงข่าว จึงยิ่งทำให้บรรยากาศตลอดจนแรงจูงใจของบริษัทที่เข้าประมูลคราวนี้ ดูลี้ลับเป็นปริศนามากขึ้นอีก

ยูริ เปตรอฟ รักษาการประธานกองทุนทรัพย์สินรัฐบาลกลางรัสเซีย แถลงว่า เขาเองก็ไม่ทราบว่าไบคาลเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของใคร และรู้สึกเซอร์ไพรซ์พอๆ กับเหล่าผู้สื่อข่าวนั่นแหละ

ขณะที่ โรนัลด์ สมิธ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมน้ำมันให้กับกองทุนเรอเนซอง แคปิตอล ออกจะเชื่อว่าไบคาลคือบริษัทบังหน้าของกาซปรอม

แต่ทั้งกาซปรอม ตลอดจนบริษัทน้ำมันหมีขาวอื่นๆ อาทิ ทีเอ็นเค-บีพี, ซูร์กุตเนฟเตกาซ, และ ลุคออยล์ ต่างปฏิเสธว่าไม่มีสายสัมพันธ์อะไรกับไบคาลทั้งสิ้น

ความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งซึ่งพวกนักวิเคราะห์มองกันก็คือ ไบคาลอาจจะไม่สามารถหาเงินมาชำระค่าซื้อทรัพย์สินยูกันคะสะเนฟเตกาซเต็มจำนวนภายในเวลา 14 วันตามที่กำหนด โดยเป็นความจงใจให้เป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรกแล้ว

ทั้งนี้ตามกฎหมายของรัสเซีย เมื่อเกิดกรณีผู้ชนะประมูลไม่อาจหาเงินมาจ่ายได้ตามกำหนดขึ้นมา รัฐบาลสามารถที่จะสั่งให้เปิดการประมูลใหม่ หรือไม่ก็เข้ายึดยูกันคะสะเนฟเตกาซเป็นของรัฐเสียเลย โดยถือเป็นการชำระภาษีซึ่งยูคอสติดค้างอยู่

เงินที่จะได้จากการประมูลยูกันคะสะเนฟเตกาซ ถึงอย่างไรก็สามารถช่วยชำระเพียงราวหนึ่งในสามของภาษีซึ่งรัฐบาลรัสเซียบอกว่ายูคอสค้างชำระจำนวนทั้งสิ้น 27,000 ล้านดอลลาร์ ยิ่งเมื่อกิจการที่ทำเงินก้อนโตให้แก่บริษัทมากที่สุด ถูกบังคับตัดขายออกไปด้วยเช่นนี้ ยูคอสจึงอยู่ในอาการนอนรอความตายเท่านั้น

ยูคอส และผู้ก่อตั้ง ซึ่งก็คือ มิคาอิล โคโดร์คอฟสกี้ ถูกรัฐบาลปูตินตามล้างตามผลาญมานาน โดยเห็นกันว่าเนื่องจากโคโดร์คอฟสกี้ มีท่าทีจะใช้ฐานะการเงินอันมั่งคั่งมหาศาลของตนเพื่อชิงอำนาจทางการเมืองกับปูติน

ตัวโคโดร์คอฟสกี้ถูกจุบกุมในเดือนตุลาคม 2003 และถูกจำคุกนับแต่นั้นด้วยข้อหาทั้งในเรื่องหนีภาษี, ทุจริตฉ้อโกง และยักยอก

ภายหลังการประมูลในวันอาทิตย์ ยูคอสออกคำแถลงว่า การบังคับขายกิจการของบริษัทเช่นนี้เป็นการละเมิดกฎหมายทั้งของรัสเซียและระหว่างประเทศ คณะผู้บริหารของบริษัทจะหาช่องทางกฎหมายและการพาณิชย์ทุกวิถีทางซึ่งสามารถทำได้ เพื่อแก้ไขความไม่ชอบธรรมนี้ พร้อมกันนั้นก็ขู่ว่า ผู้ชนะการประมูลซึ่งจะเป็นใครก็ตาม กำลังนำเอาธุรกิจของพวกเขามาเสี่ยงภัยในทางกฎหมายอย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตาม คำขู่นี้ดูจะมีน้ำหนักน้อยลงไปทุกที   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us