โนเกียโหมตลาด ด้วยการเปิดตัวมือถือรุ่น 3650 และ 3530 ที่รองรับเทคโนโลยี
"MMS" ออกสู่ตลาดพร้อมประกาศเปลี่ยน แปลงปรากฏการณ์ของการสื่อสาร
จากเสียงและข้อมูลเป็น มัลติมีเดีย และเป็นการทุบกำแพง ของการสื่อสาร พุ่งเป้าไปที่แมสมาร์เก็ตเป็น
หลัก โดยเฉพาะผู้ที่ชอบสีสันและการใช้ชีวิตแบบสนุกสนานหรือไลฟ์สไตล์
นาย TOMI PAATSILA Director Mobile Phone Business Unit Mobile Phone,
APAC บริษัท โนเกีย เปิดเผยว่า โนเกียได้ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 รุ่นคือ
โนเกีย 3650 และโนเกีย 3530 ออกสู่ตลาด
โนเกีย 3650 เป็นโทรศัพท์มือ ถือระบบไตรแบนด์ (จีเอสเอ็ม 900/1800/1900)
โดยมีคุณสมบัติพิเศษ คือ มีกล้องดิจิตอลในตัว มีเครื่องเล่นวิดีโอที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ใน
การสื่อสารด้วยภาพ มีหน่วยความจำขนาด 4 เมกะไบต์ และสามารถเพิ่มหน่วยความจำได้โดยเพิ่มเมโมรี
การ์ด เพื่อให้สามารถดาวน์โหลดและเก็บวิดีโอได้สะดวก นอกจากนี้ยังรองรับระบบ
Multimedia Messaging Service (MMS) ใช้ระบบปฏิบัติการซิมเบียน และสามารถรองรับแอปพลิเคชั่นใหม่ๆ
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมจอสีขนาดใหญ่ที่แสดงสีได้ถึง 4,096 สี
รูปลักษณ์ของโนเกีย 3650 ถูกออกแบบให้มีความทันสมัยด้วย ปุ่มกดทรงโค้งมน
ใช้งานง่าย ขนาดกะทัดรัด น้ำหนัก 130 กรัม พร้อมหน้ากากสีที่สามารถเปลี่ยนได้ตามอารมณ์และโอกาส
และมีแบตเตอรี่ ที่สามารถสนทนาได้ติดต่อกันนาน 4 ชั่วโมง เปิดสายรอรับได้นาน
200 ชั่วโมง
ส่วนโนเกีย 3530 เป็นโทรศัพท์มือถือที่รองรับ MMS โดยมีคุณสมบัติพิเศษคือมีจอขนาดใหญ่
ที่แสดงสีได้ 4,096 สี ให้ความคมชัดเป็นพิเศษ รองรับเทคโนโลยีจาวาและ MMS
ทำให้สามารถใช้งาน และรับส่งข้อความ ภาพ และเสียงได้ในคราวเดียวกันรวมทั้งสนุก
สนานกับแอปพลิเคชั่นหลากหลายบนเทคโนโลยีจาวาได้อย่างเต็มที่ มีเสียงเรียกเข้าระบบ
Polyphonic (MIDI) ที่ให้เสียงละเอียดใสเหมือน จริง สนับสนุนการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายกับระบบ
WAP สามารถ ดาวน์โหลดวอลล์เปเปอร์และปรับแต่งตามความต้องการในการใช้งาน ได้
"สิ่งที่ผู้บริโภคจะได้เห็นจากโนเกียหลังจากนี้ไป จะเป็นการเปลี่ยนปรากฏการณ์ของการสื่อ
สารจากเสียงเป็นภาพ และความเป็นตัวของตัวเองได้เกิดขึ้นแล้ว คือเราเป็นอย่างไรก็อย่างนั้นหรือเป็นเพอร์ซันนอล
ไลฟ์"
ผลิตภัณฑ์ 2 รุ่นที่โนเกียเปิด ตัวครั้งนี้มีความมุ่งหวังต่างกัน รุ่น
3530 ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของได้ง่าย ส่วน 3650 เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เป็นทั้งกล้องดิจิตอลและวิดีโอ
ในตัว แต่สิ่งที่ทั้ง 2 รุ่นมีเหมือนกันคือสามารถเปลี่ยนหน้ากากได้ รองรับเทคโนโลยีจาวาและ
MMS
เรื่องของราคายังไม่มีการกำหนด แต่คาดว่าประมาณไตรมาส 4 ปีนี้ 3530 จะเริ่มออกสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิกอย่างเป็นทางการ
ส่วนรุ่น 3650 คาดว่าจะเริ่มทำตลาด ได้ในปีหน้า ผลิตภัณฑ์ที่โนเกียเปิด ตัวครั้งนี้มีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ใช้บริการทั่วไปหรือแมสมาร์เก็ต
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ชอบความสนุก สนาน และสร้างสีสันให้กับชีวิต
"เราเชื่อว่าตลาดเอเชียแปซิฟิก จะโตอย่างมาก เพราะโนเกียรู้เรื่องการตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลเป็นอย่างดี
จึงได้ออกมาสร้าง ความตื่นเต้นให้ตลาด และ MMS ก็เป็นเทคโนโลยีใหม่ ที่สามารถสร้างความตื่นเต้นให้กับคนทุกชาติ
ได้อยู่แล้ว" PAATSILA กล่าวและว่า
โนเกียไม่ต้องกังวลว่า MMS จะเป็นเหมือน WAP หรือ GPRS เพราะเทคโนโลยีตัวนี้
จะเป็นการสื่อสารที่เชื่อมระหว่างคนต่อคน และคนหลายๆ คนจะแชร์กัน ซึ่งเป็นเรื่องของความชอบมากกว่า
ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าโนเกียต้องการให้มีการสื่อสารที่หลากหลาย และเป็นการทำลายกำแพงกั้นของการสื่อสารที่เคยทำได้เฉพาะเสียงกับข้อมูล
ตลาดหลักของโนเกียคือการมุ่งเน้นในเรื่องของโลคัล มาร์เก็ต อย่างไทยต้องมีการสำรวจความต้องการของตลาด
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เนื้อหาสาระหรือคอนเทนต์ ซึ่งจำ เป็นต้องทำ และแต่ละรุ่นจะโฟกัสต่างกัน
เพราะแม้แต่ประเทศเดียว กันความต้องการของคนแต่ละท้อง ถิ่นก็ชอบไม่เหมือนกัน
PAATSILA กล่าวว่า จุดแข็ง ที่เป็นจุดขายของโนเกียคือ 1.เป็นสินค้าที่น่าใช้
ใช้ง่าย หยิบจับสะดวก 2.เป็นผลิตภัณฑ์ที่สวยเห็นแล้วชอบ อยากเป็นเจ้าของ
3. เป็นแบรนด์ที่ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี นอกจากนี้ยังมีสินค้าที่หลากหลาย