กรมธนารักษ์ผนึกธอส.นำร่องโครงการบ้านธนารักษ์ 5 จังหวัดบนที่ราชพัสดุ เพื่อให้ข้าราชการ และลูกจ้างเช่าระยะยาว จับตาผุดคอนโดมิเนียมในทำเลกรุงเทพฯราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท
นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรมธนารักษ์กำหนดพื้นที่นำร่องจัดสร้างโครงการ "บ้านธนารักษ์" ในพื้นที่ 5 จังหวัด คือ ภูเก็ต, เชียงใหม่, สุพรรณบุรี, ชลบุรีและกรุงเทพมหานคร เพื่อนำที่ดินราชพัสดุที่เป็นที่ว่างและไม่ได้ใช้ประโยชน์ หรือเลิก ใช้ มาจัดสวัสดิการที่พักอาศัยให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำของหน่วย งาน หรือองค์กรอื่นของรัฐเช่าระยะยาว ประมาณ 30-60 ปี อัตราค่าเช่าที่ผ่อนปรน
โดยกระทรวงการคลัง มีนโยบายให้กรมธนารักษ์เริ่มทำโครงการอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากเริ่มเรียกคืนที่ดินจากส่วนราชการที่ไม่ใช้ประโยชน์ ก็จะดำเนินการก่อสร้าง ไปพร้อมกับให้ข้าราชการที่มีความต้องการบ้านมาลงทะเบียนและจัดสลาก ซึ่งมีเงื่อนไขมิให้มีการโอนสิทธิไปยังบุคคลอื่น เว้นแต่ผู้เป็นทายาทตามกฎหมาย หรืออาจให้มีการโอนสิทธิระหว่างข้าราชการที่มีการโยกย้ายสถานที่ทำงานไปจังหวัดอื่น
จุดเริ่มของโครงเกิดจากความคิดที่ว่า รัฐมีที่ราชพัสดุ ธนาคารอาคารสงเคราะห์มีเงิน ขณะที่ข้าราชการยังมี ความต้องการบ้าน จึงทำโครงการดังกล่าว ซึ่งแทนที่จะเบิกเงินค่าเช่าบ้านภายนอก ก็มาผ่อนเช่าบ้านของรัฐให้เป็นบ้านของตนเองได้
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า กรมตั้งเป้าว่าภายใน 4 เดือนแรกนับแต่วันที่ครม. อนุมัติ จะเรียกคืนพื้นที่ให้ได้ประมาณ 5% ภายใน 1 ปี จะเรียกเพิ่มให้ได้ถึง 10% ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวจะนำมาพัฒนาตามความเหมาะสมของพื้นที่ เช่น บ้านเดี่ยว, ทาวน์เฮาส์ หรืออาคารชุด โดยมีราคาต่ำกว่าตลาดประมาณ 30-50% ตั้งเป้าหมายว่าจะสร้างให้ได้ 30,000 ยูนิต ภายในปี 5 ปี
ลักษณะของที่อยู่อาศัยจะมี รูปแบบทันสมัยและต้องรักษ์พลังงานด้วย มีสิทธิเช่าที่ดินราชพัสดุ 30 ปี และสามารถต่อสัญญาเช่าได้ โดยไม่เสียค่าต่อสัญญา อัตราค่าเช่าที่ดินราชพัสดุผ่อนปรนจากระเบียบฯ และมีธนาคารธอส.ให้กู้ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน และกู้ได้ 100% ของราคาขาย ผู้เข้าร่วมโครงการเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้านพักอาศัยและโอนเปลี่ยนมือได้ตามที่เงื่อนไขกำหนดไว้ โดยข้าราชการรายนั้นยังคงสามารถเบิกค่าเช่าบ้าน หรือค่าเช่าซื้อได้ตามระเบียบที่เกี่ยวกับค่าเช่าบ้านของข้าราชการหรือลูกจ้างแต่ละประเภทได้
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ได้เตรียมโครงการนำร่องในเขต 5 จังหวัดแล้ว ประมาณ 1,463 ยูนิต โดยที่ภูเก็ตและ กรุงเทพฯ จะทำเป็นคอนโดมิเนียม ราคาต่อยูนิตประมาณ 700,000-1,000,000 บาท อีก 3 จังหวัดจะพัฒนาเป็นแบบบ้านเดี่ยว โดยมีแบบบ้านมาตรฐาน 8 รูปแบบ 4 ราคาตาม ความต้องการอย่างละ 2 รูปแบบประกอบด้วย แบบ A เป็นบ้านเดี่ยว ราคาประมาณ 1,400,000 บาท แบบ B พื้นที่ เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ราคาประมาณ 1,200,000 บาท แบบ C เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคาประมาณ 900,000 บาท แบบ D เป็นบ้านเดี่ยว ชั้นเดียว 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ราคาประมาณ 650,000 บาท มี 2 แบบ n
|