Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน19 สิงหาคม 2548
ธุรกิจคาดศก.ปีนี้โตจิ๊บจ๊อย2.5-3.5%             
 


   
search resources

ธนวรรธน์ พลวิชัย
Economics




ภาคธุรกิจ 64.7% คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตแค่ 2.5-3.5% เหตุน้ำมันแพงและเจอปัญหา เศรษฐกิจในประเทศ ชี้เศรษฐกิจจะถึงจุดต่ำสุดในไตรมาส 3 และจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาสที่ 4

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ได้มีการสำรวจการประเมินสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจ จากภาคธุรกิจ 600 รายทั่วประเทศ โดยพบว่าผู้ประกอบการ 64.7% ระบุว่าโอกาสที่เศรษฐกิจปี 2548 จะขยายตัว 2.5-3.5% เป็นไปได้สูง โดยในจำนวนนี้ 38.8% ระบุว่าจะขยายตัว 2.5-3.0% ขณะที่ 25.9% เห็นว่าจะขยายตัว 3.1-3.5% ขณะที่ปี 2549 ผู้ประกอบการ 62.1% ระบุว่าจะขยายตัว 3-4% โดย 34.3% ระบุว่าจะขยายตัว 3.-3.5% ขณะที่ 27.8% ระบุว่าจะขยายตัว 3.5-4%

สำหรับปัจจัยที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง อันดับแรกยังเป็นปัญหาราคาน้ำมัน ทั้งเบนซินและดีเซล รองลงมา คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ความกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลการค้า ความไม่สงบในภาคใต้และเหตุการณ์สึนามิที่ยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า การที่ธุรกิจส่วนใหญ่ มองว่าเศรษฐกิจปีนี้อาจจะโต 2.5% สะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจจะโตในระดับต่ำ และไม่ถึง 4% ตามที่ภาครัฐประมาณการไว้ เพราะภาคธุรกิจมองว่าภาวะเศรษฐกิจขณะนี้ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน โดยคาดว่าในช่วงครึ่งปีหลังราคาน้ำมันดีเซลน่าจะปรับขึ้นอีกลิตรละ 2 บาท ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 4 อาจถึงบาร์เรลละ 70 เหรียญสหรัฐ

"ผลการสำรวจเห็นได้ชัดเจนว่า ช่วงไตรมาส 3 จะเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทย เพราะกำลังซื้อของประชาชนยังต่ำอยู่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง และจะเริ่มดีขึ้นในไตรมาส 4 โดยนักธุรกิจคาดว่าสภาพธุรกิจ ยอดขาย หรือแม้แต่การจ้างแรงงานจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การส่งออกที่จะขยายตัวดีขึ้น ดุล การค้าจะขาดดุลลดลง การเร่งเบิก จ่ายงบประมาณ และการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้น" นายธนวรรธน์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ศูนย์ฯ ยังคงคาดว่าเศรษฐกิจทั้งปีจะอยู่ที่ 3.5-4% แต่มีโอกาสที่จะขยายตัวแค่ 3-3.5% โดยในไตรมาส 1 ขยายตัว 3.3% ไตรมาส 2 คาดว่าจะขยายตัว 3-3.2% ไตรมาส 3 คาดว่าจะขยาย ตัว 2.8-3% และไตรมาส 4 คาดว่าขยายตัว 4-4.2% ส่วนอัตราเงิน เฟ้อคาดว่าจะอยู่ในระดับ 4-4.2% เนื่องจากภาคธุรกิจจะใช้กลยุทธ์ด้านราคาแข่งขันกันมากขึ้น โดย จะปรับราคาลดลงเพื่อกระตุ้นการบริโภค

นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า สำหรับการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลวงเงิน 1.7 ล้านล้านบาท เห็นว่าควรจะลดวงเงินในการลงทุนลง เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องรายละเอียดในการลงทุน การระดมทุน วงเงินลงทุนในแต่ละโครงการ และแต่ละโครงการก็ยังไม่ ชัดว่าจะต้องมีการนำเข้าเครื่องจักร จากต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน

"วงเงินอาจจะไม่ใช่ประเด็น แต่การลดวงเงินเพื่อต้องการดูเรื่อง บัญชีเดินสะพัดว่ามีการนำเข้าเครื่องจักรแค่ไหน ในการลงทุนควรให้ความสำคัญว่าสร้างความเติบโตให้เศรษฐกิจแค่ไหน ควรเน้น โครงการที่ทำให้เศรษฐกิจโตได้ก่อน โดยเรียงลงลำดับการลงทุน เริ่มโครงการที่ใช้วัตถุดิบในประเทศก่อน หรือควรเน้นโครงการก่อสร้าง บนพื้นราบก่อนใต้ดิน เป็นต้น" นายธนวรรธน์กล่าว

นายธนวรรธน์กล่าวถึงการสำรวจพฤติกรรมการเลือกสื่อโฆษณาของภาคธุรกิจ ในภาวะที่กำลังซื้อของประชาชนชะลอตัวว่า ธุรกิจ 44.8% เลือกซื้อสื่อโทรทัศน์ เนื่องจากสัญญาณภาพชัดเจน มีผลต่อการกระตุ้นยอดขายมาก มีผู้ชมรายการมาก แม้ว่าอัตราค่าโฆษณาจะอยู่ในระดับสูง รองลงมาคือสื่อวิทยุ และอันดับสามคือหนังสือพิมพ์

สำหรับโทรทัศน์ที่ภาคธุรกิจต้องการโฆษณามากที่สุด เรียงตามลำดับ ได้แก่ ช่อง 7, ช่อง 3, ไอทีวี, ช่อง 5 ช่อง 11 และ ช่อง 9   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us