โอเปกและไออีเอทำนายตรงกันว่า อุปสงค์น้ำมันโลกในครึ่งปีหลังนี้ จรดจนปีหน้าและปีถัดไป จะขยายตัวไม่ร้อนแรงเท่ากับเมื่อก่อนหน้านี้ เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแววว่าจะชะลอตัวในหลายภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีน ส่งผลให้ยอดการบริโภคน้ำมันในช่วงนี้เริ่มลดลง อาทิ ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ยอดการบริโภคน้ำมันโลกลดลงวันละ 155,000 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ระดับเพียง 84.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน

รายงานขององค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ที่เพิ่งเผยแพร่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างลดประมาณการที่ให้แก่อัตราขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันโลก โดยที่โอเปกให้ประมาณการว่าอุปสงค์น้ำมันโลกในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเพียง 2% หรือเท่ากับเพิ่มขึ้นวันละ 1.62 ล้านบาร์เรล เป็นยอดการผลิตรวมวันละ 83.66 ล้านบาร์เรล และสำหรับปี 2006 อัตราขยายตัวดังกล่าวจะยิ่งชะลอลงเหลือ 1.85% อยู่ที่ระดับการผลิตรวมวันละ 85.20 ล้านบาร์เรล

ในการนี้ รายงานของโอเปกชี้ว่า ประเทศกำลังพัฒนาซึ่งรวมทั้งจีนด้วย จะมีอัตราการบริโภคพลังงานเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ย เพิ่มเป็น 2 เท่าของประเทศพัฒนาแล้ว 30 ประเทศที่เป็นสมาชิกกลุ่มโออีซีดี

ส่วนรายงานของไออีเอเตือนว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของโลกได้มาถึงตอนปลายของแนวโน้มขาขึ้นแล้ว และดังนั้น จึงมีการปรับลดประมาณการปริมาณความต้องการบริโภคน้ำมันโลกในปี 2005 ว่าจะอยู่ที่ระดับเพียงวันละ 83.88 ล้านบาร์เรล จากเดิมที่คาดไว้ ณ ระดับ 84.30 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเท่ากับปริมาณที่เพิ่มขึ้นมาเพียงวันละ 1.58 ล้านบาร์เรลเท่านั้น

นอกจากนั้น ไออีเอคาดว่าอุปสงค์ในปี 2006 จะอยู่ที่ระดับแค่ 85.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ในด้านการผลิต รายงานของกลุ่มโอเปกแสดงความมั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นได้ โดยจะดึงศักยภาพสำรองที่จะสูบน้ำมันขึ้นมาใช้

ศักยภาพสำรองนี้ คาดกันว่าจะขยายตัวได้ถึง 12% ในปี 2006 จากระดับปัจจุบันที่ 7.9%

นอกจากนั้น โอเปกประเมินว่าประเทศนอกกลุ่มโอเปคจะเพิ่มปริมาณการผลิตมาตอบสนองแก่อุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในปีหน้าได้อย่างมากมาย ทั้งนี้ ประเทศผู้ผลิตน้ำมันดิบโลกซึ่งไม่ใช่สมาชิกโอเปก ได้รับความคาดหมายว่าจะเพิ่มการผลิตได้อีกวันละ 1.08 ล้านบาร์เรลภายในปี 2006

อนึ่ง รายงานของไออีเอซึ่งออกเผยแพร่ก่อนรายงานของโอเปกเพียงไม่กี่วัน แสดงความวิตกถึงสถานการณ์ด้านราคาซื้อขายน้ำมันดิบโลกที่พุ่งแพงจัดในระยะนี้ ว่าแม้แนวโน้มการบริโภคน้ำมันจะอยู่ในทิศทางขาลง แต่สภาวะราคาน้ำมันแพงจะเรื้อรังอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ไปอีกนาน โดยเป็นผลจากการที่หลายประเทศเร่งเพิ่มการสำรองน้ำมันในท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ

ไออีเอเตือนไปถึงปัจจัยความไม่แน่นอน 3 ด้านคือ ภัยธรรมชาติจากพายุเฮอร์ริเคน ภัยผู้ก่อการร้ายที่มีการวางระเบิดขนานใหญ่ในลอนดอน และปัญหาความวุ่นวายในช่วงเลือกตั้งของอิรัก อิหร่าน และไนจีเรีย