เคทีซี เตรียมออกตั๋วบี/อีเพิ่มไตรมาส 4 ปีนี้ ขณะที่บี/อีเก่า 5,000 จะครบกำหนดปีหน้าเตรียมแผนรีไฟแนนซ์ "นิวัตต์" ต้องตุนเงินไว้ลงทุน หวังยอดใช้ผ่านบัตรเพิ่มขึ้นจาก 4.1 พันบาท เป็น 4.5 พันบาทต่อเดือนต่อใบ ตั้งเป้ายอดใบปีนี้ที่ 1.3 ล้านใบ เผยทางเลือกใหม่รุกธุรกิจจับมือมหาวิทยาลัย-โรงพยาบาล ด้านบล.ซีมิโก้ แนะซื้อ มูลค่าพื้นฐานหุ้นละ 28 บาท

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2548 บริษัทมีแผนที่จะออกตั๋วเงินระยะสั้น หรือบี/อี เพื่อรองรับการขยายธุรกิจ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้มีการกำหนดวงเงินที่แน่นอน พร้อมกับจะมีการรีไฟแนนซ์ตั๋วบี/อีที่ออกในช่วงต้นปี 2548 ประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะครบกำหนดในช่วงไตรมาส 1 ปี 2549 แต่จะต้องศึกษาหาแนวทางเพื่อสรุปแนวทางในการรีไฟแนนซ์อีกครั้ง

สำหรับแผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทจะเน้นกระตุ้นยอดการใช้บัตรมากขึ้น ในช่วงที่จำนวนยอดบัตรเครดิตปรับลดลง โดยบริษัทตั้งเป้าค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 4.5 พันบาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 4.1 พันบาทต่อเดือน ขณะที่เป้าจำนวนยอดผู้ใช้บัตรเครดิตคาดว่าในสิ้นปีน่าจะอยู่ที่ระดับ 1.3 ล้านใบเพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 แสนใบ โดยข้อมูล ณ 30 มิ.ย.ยอดผู้ใช้บัตรเครดิตของเคทีซีอยู่ที่ 1.1 ล้านใบ โดยเป็นบัตรที่มีการใช้เป็นประจำ 80% ของจำนวนยอดรวมทั้งหมด

"นโยบายในครึ่งปีหลังคงยังไม่มีอะไรมาก คงต้องดูที่สถานการณ์เรื่องราคาน้ำมันเป็นหลัก มีคนพูดว่าราคาน้ำมันอาจจะขึ้นไปแตะ 100 เหรียญดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหากเป็นจริงน่าจะกระทบในส่วนของสินเชื่อเพื่อธุรกิจรายย่อย เราจึงจะเพิ่มในส่วนของกิจกรรมเสริมให้มากขึ้น"นายนิวัตต์ กล่าว

อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าธุรกิจทางเลือกใหม่ที่จะได้รับความสดใสในอนาคต คือ การร่วมกิจกรรมกับทางมหาวิทยาลัย เพื่อให้การสนับสนุนในการกู้เงินเพื่อการศึกษา รวมถึงการให้สินเชื่อกับผู้ใช้บริการกับโรงพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจในลักษณะเดียวกันที่ได้รับการติบรับจากผู้ใช้บัตรเครดิตเป็นจำนวนมาก เช่น ใช้บัตรเครดิตเติมน้ำมัน ใช้ในร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น ซึ่งมีการจัดทำกิจกรรมที่ให้ส่วนลดพิเศษกับผู้ถือบัตร

นอกจากนี้บริษัทยังมีแนวคิดที่จะทำ Non Finance Member ซึ่งมีลักษณะเป็นบัตรที่ให้ส่วนลดกับสมาชิกผู้ถือบัตร โดยบริษัทตั้งเป้ายอดผู้ใช้บัตรประมาณ 3-5 ล้านใบ ในช่วงเวลา 3-5 ปี ซึ่งในส่วนของบริษัทจะทำได้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของผู้ถือบัตร เพื่อเป็นการรองรับกิจกรรมที่จะมีเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งจะสอดรับกับความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างชัดเจน

บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด ประเมินว่า ยอดสินเชื่อของ KTC ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมายังคงขยายตัว โดยเฉพาะธุรกิจบัตรเครดิตที่เติบโตค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นผลจากกลยุทธ์การตลาดกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นมาก ทำให้กำไรลดลงจากไตรมาสก่อน 4% ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 9% ดังนั้นจึงปรับประมาณการกำไรปี 2548 ลง 7% และทำให้มูลค่าพื้นฐานลดลงจาก 30 บาท เป็น 28 บาทอิงกับ PER 11 เท่า ซึ่งยังมีส่วนต่างจากราคาตลาดค่อนข้างมาก จึงคำคำแนะนำให้ซื้อหลักทรัพย์เพื่อการลงทุน