Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์26 พฤศจิกายน 2547
เปิดแผนสินเชื่อ 5 ปีธสน.ปล่อยกู้ลงทุนชาติลุ่มน้ำโขง - ปี 48 เป้า 1 แสนล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย

   
search resources

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
Investment




ธสน. วางแผนสินเชื่อใหม่ มุ่งปล่อยกู้ให้นักธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง ตามด้วยเอเชียตะวันตกและเอเชียตะวันออก พร้อมทั้งเร่งจัดทำข้อมูลเชิงลึกของแต่ละประเทศ เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการตัดสินใจ หวังดันไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

จากที่ภาวะการลงทุนซึ่งเคลื่อนไหวและเติบโตอยู่ตลอดเวลา ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) จึงได้ออกนโยบายในการปล่อยสินเชื่อใหม่ เป็นแผนระยะยาว 5 ปี (ปี 2548-2552) โดยจะเน้นการปล่อยกู้เพื่อการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น จากเดิมที่มุ่งปล่อยกู้ให้แก่ภาคการส่งออกเป็นหลัก ทั้งนี้เพราะต้องการเพิ่มช่องทางการลงทุนของนักธุรกิจให้มีความหลากหลายมากขึ้น ซึ่งแนวคิดนี้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขยายการลงทุนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) ก็สนับสนุนให้นักธุรกิจไทยไปลงทุนในต่างประเทศเพื่อนำเงินตราเข้าประเทศ

“เนื่องจากธนาคารอื่นๆมีการปล่อยสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการที่ลงทุนภายในประเทศอยู่แล้ว ขณะที่นักลงทุนที่จะไปลงทุนในต่างประเทศนั้นหาแหล่งเงินกู้ค่อนข้างยาก ธสน.จึงหันมาปล่อยกู้ให้แก่นักลงทุนเหล่านี้มากขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจากนโยบายการปล่อยสินเชื่อใหม่นี้เชื่อว่าจะทำให้ยอดสินเชื่อในปี 2548 ของ ธสน.จะเพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เป็น 1 แสนล้านบาท และกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 500 ล้านบาท เป็น 530 ล้านบาท ในปี 2548” สถาพร ชินะจิตร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย กล่าวกับ ‘ผู้จัดการรายสัปดาห์’

แผนของ ธสน. ก็คือจะเน้นปล่อยกู้ให้แก่นักธุรกิจที่เข้าไปลงทุนในประเทศแถบลุ่มแม่น้ำโขง อันประกอบด้วย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นอันดับแรก เนื่องจากเห็นว่าประเทศเหล่านี้มีทรัพยากรอยู่มาก ค่าแรงงงานถูก และที่สำคัญจะเป็นการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในภูมิภาคแถบนี้ กลุ่มถัดไปจะปล่อยกู้ให้แก่นักธุรกิจที่จะไปลงทุนในประเทศแถบเอเชียตะวันตกและเอเชียตะวันออก ทั้งนี้เพราะการดูแลและการบริหารจัดการสามารถทำได้สะดวกกว่าในประเทศที่อยู่ห่างไกล

ประเภทกิจการของธุรกิจที่ขอสินเชื่อเพื่อการลงทุนในประเทศและต่างประเทศก็มีความแตกต่างกัน โดยสินเชื่อในประเทศส่วนใหญ่จะเป็นกิจการที่เกี่ยวกับการผลิตสินค้าประเภทอาหาร สินค้าเกษตรแปรรูป เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ และอัญมณี ส่วนสินเชื่อเพื่อลงทุนในต่างประเทศ มักเป็นกิจการกิจการประเภทสาธารณูปโภค และเหมืองแร่

ปัจจุบันประเทศที่ ธสน. ปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการที่จะเข้าไปลงทุนมากที่สุดคือ พม่า โดยมียอดสินเชื่อรวม 9,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนร่วมระหว่างนักธุรกิจไทยและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของพม่า เนื่องจากประเทศพม่ายังเป็นประเทศสังคมนิยมซึ่งกิจการส่วนใหญ่ยังอยู่ในการควบคุมของภาครัฐ อีกทั้งรัฐบาลไม่ค่อยส่งเสริมการลงทุนของบริษัทข้ามชาติ ทำให้การลงทุนร่วมกับหน่วยงานของรัฐมีความเสี่ยงน้อยกว่าการเข้าไปเปิดบริษัททำธุรกิจโดยลำพัง

นอกจากนั้น ธสน.ยังมีแผนที่จะศึกษาและจัดทำฐานข้อมูลทางเศรษฐกิจของประเทศเพื่อนบ้านภายใต้กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเพื่อการค้าการลงทุน โดยในปี 2548 จะเริ่มศึกษาข้อมูลของประเทศเวียดนามก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่และมีศักยภาพด้านการค้าและการลงทุนสูงมาก อีกทั้งกำลังมีการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข 9 ที่จะเชื่อมต่อสะพานข้ามแม่น้ำโขง บริเวณ จ.มุกดาหาร ของไทย กับสะหวันนะเขตของลาว ไปยังดานังของเวียดนาม ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2548

“เราจะจัดทำข้อมูลเชิงลึกซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่นักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนในต่างประเทศ ผู้ลงทุนจะได้มีข้อมูลรอบด้าน ทั้งในแง่สภาพเศรษฐกิจ แรงงาน วัตถุดิบ กฎหมายและระเบียบปฏิบัติต่างๆ และเพื่อให้ได้ข้อมูลอย่างครบถ้วน ธสน.จึงใช้เวลาศึกษาและจัดทำโดยเฉลี่ยประเทศละ 1 ปี ซึ่งในปี 2549 คาดว่าจะทำข้อมูลของประเทศอินโดนีเซียหรืออินเดีย แล้วแต่ความเหมาะสม” กรรมการผู้จัดการ ธนส.ระบุ

จากการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นพบว่าปัจจุบันเวียดนามกำลังเร่งพัฒนาภาคอุตสาหกรรมและปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ รวมทั้งกระตุ้นภาคส่งออกของเวียดนามเอง ก่อนจะเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกในปีหน้า ขณะเดียวกันเวียดนามถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรถึง 82.7 ล้านคน ซึ่งกิจการที่นักธุรกิจไทยน่าจะเข้าไปลงทุนมากที่สุดคือการท่องเที่ยวและบริการ

ทั้งนี้ เวียดนามไม่อนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติถือกรรมสิทธิ์อย่างถาวร แต่จะให้สิทธิในการใช้ที่ดิน(Land Use Right)ในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งราคาค่าเช่าจะแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ เป็นที่น่าสังเกตว่าอัตราค่าเช่าที่ดินในเขตศูนย์กลางเศรษฐกิจอย่างฮานอยและโฮจิมินห์อยู่ในระดับที่สูงมาก ขณะที่ที่ดินในเขตรอบนอกเมือง รวมทั้งเขตนิคมอุตสาหกรรม และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออกอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ สำหรับอัตราค่าจ้างแรงงานอยู่ในระดับต่ำในทุกพื้นที่ ส่วนค่าสาธาณูปโภคพื้นฐานโดยเฉพาะค่าไฟฟ้าโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับหลายประเทศในเอเชีย รวมทั้งไทยด้วย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us