Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายสัปดาห์17 ธันวาคม 2547
ปตท.มั่นใจกำไรปี 48 พุ่ง ธุรกิจก๊าซฉลุยรับน้ำมันแพง             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ปตท., บมจ.
Oil and gas




ปตท. ตั้งเป้า ปี 48 เพิ่มยอดขายก๊าซ 3-5% มั่นใจคนแห่ใช้ก๊าซ หนีน้ำมันแพง ขยายกำลังการผลิตอีก 525 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน หลังโรงแยกที่ 5 เริ่มเดินเครื่องต้นปีหน้า เร่งสร้างเครือข่ายท่อส่งรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้ง เพิ่มสถานีจ่ายก๊าซ -พัฒนาระบบตัวถัง NGV หวังเพิ่มจำนวนผู้ใช้

ในภาวะที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ผู้ใช้และผู้ผลิตต่างก็เร่งแสวงหาพลังงานทดแทน ซึ่งก๊าซธรรมชาติดูจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ และหากจะพูดถึงธุรกิจก๊าซธรรมชาติของไทย ชื่อของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ก็เป็นชื่อแรกที่คนไทยนึกถึงเช่นกัน ในช่วงพลังงานขาขึ้นเช่นนี้ ปตท.วางทิศทางในการดำเนินธุรกิจก๊าซอย่างไร จิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มีคำตอบ

ปตท.วางเป้าหมายว่าในปี 2548 จะเพิ่มยอดขายก๊าซธรรมชาติขึ้นจากปี 2547 ประมาณ 3-5% โดยตั้งเป้าว่าจะขายได้ประมาณแสนกว่าล้านบาท พร้อมทั้งจะเร่งสร้างและขยายเครือข่ายท่อส่งก๊าซให้มากขึ้นเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะจากประมาณการคาดว่าในปี 2548 ประเทศไทยจะมีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นประมาณ 7-8% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากทำให้ผู้ผลิตส่วนใหญ่หันมาใช้ก๊าซธรรมชาติแทนน้ำมัน ทั้งในกลุ่มผู้ผลิตกระแสไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรม

ขณะเดียวกัน ปตท.ได้มีการขยายการลงทุนในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นเพราะเป็นอุตสาหกรรมที่ทำกำไรสูงเนื่องจากตลาดมีความต้องการมากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำของปิโตรเคมีสูงขึ้นตามไปด้วย

“กำไรจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติของ ปตท.ในปีนี้ถือว่าใช้ได้ เพราะราคาก๊าซหุงต้มมีราคาดี ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติที่ขายให้กับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งผูกติดกับราคาน้ำมันเตาก็อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ขณะที่รายได้จากค่าผ่านท่อก็เพิ่มขึ้น 3-4% ตามปริมาณยอดขายที่เพิ่มขึ้น ส่วนในปีหน้าโรงแยกก๊าซโรงที่ 5 ของ ปตท.จะเริ่มใช้งานได้ ทำให้ความสามารถในการผลิตก๊าซของ ปตท.เพิ่มขึ้น เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้น ยอดขายเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มดีขึ้น จึงมั่นใจว่ากำไรในปี 2548 จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน” รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ระบุ

ในปี 2548-2549 ปตท.มีแผนงานที่จะขยายโครงข่ายท่อส่งก๊าซเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาความสามารถในการขนส่งก๊าซจากแหล่งผลิตของ ปตท.ไปยังจุดจำหน่ายต่างๆเริ่มถึงจุดอิ่มตัว โดยขณะนี้ ปตท.กำลังเร่งดำเนินโครงการท่อส่งก๊าซ 3 โครงการ คือ 1.โครงการท่อก๊าซธรรมชาติเส้นที่ 3 (ระยอง-บางปะกง) ซึ่งนำก๊าซจากอ่าวไทย จ.ระยอง ไปยังบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา 2.โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติวังน้อย-แก่งคอย (วังน้อย จ.อยุธยา -แก่งคอย จ.สระบุรี) 3.โครงการท่อก๊าซธรรมชาติไทรน้อย-โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ/ใต้ (จ.นนทบุรี) ซึ่งจะแล้วเสร็จในปี 2549 จะทำให้ ปตท.สามารถนำก๊าซจากพม่ามาใช้ในโรงกลั่นพระนครเหนือและพระนครใต้ได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้น ปตท.ยังเร่งดำเนินการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) เพื่อที่จะวางท่อส่งก๊าซจากมักกะสันไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ

นอกจากการเพิ่มศักยภาพในการขนส่งด้วการขยายเครือข่ายท่อส่งก๊าซเแล้ว ปตท.ยังร่วมกับ บริษัทเชลล์ โกลเบิล โซลูชัน (Shell Global Solutions) ในการขยายขีดความสามารถในการส่งก๊าซภายในท่อเพื่อให้สามารถขนส่งก๊าซได้มากขึ้นและรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกด้วย

ในส่วนของการผลิตนั้น ปตท.มองว่าในปี 2548 ยังไม่มีความจำเป็นต้องสร้างหรือขยายโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้น เพราะปริมาณก๊าซที่ได้จากโรงแยกก๊าซทั้ง 5 โรงน่าจะเพียงพอกับความต้องการของตลาด ซึ่งเมื่อโรงแยกก๊าซโรงที่ 5 ของ ปตท. เริ่มปฏิบัติงานได้ ปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติจะเพิ่มขึ้นอีก 525 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งทำให้สามารถผลิตก๊าซหุงต้ม(LPG)ได้เพิ่มขึ้น 3 แสนตันต่อปี

โดยก๊าซ LPG ที่ได้จากโรงแยกก๊าซโรงที่ 5 จะถูกนำไปจำหน่ายทั้งในตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ส่วนก๊าซมีเทนจะถูกส่งไปยัง บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ผลิตปิโตรเคมี โรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้นอีก ทั้งนี้การเติบโตของธุรกิจปิโตรเคมีจะเป็นปัจจัยหลักที่ ปตท.จะนำมาพิจารณาว่าจำเป็นต้องสร้างหรือขยายโรงแยกก๊าซหรือไม่ ถ้าในอนาคตหากความต้องการของผู้ประกอบการด้านปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น ปตท.ก็อาจจะสร้างหรือขยายโรงแยกก๊าซเพิ่มขึ้นอีก

สำหรับโครงการก๊าซ NGV ซึ่งเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ใช้รถที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า ปตท. กำลังเร่งพัฒนาระบบตัวถังก๊าซ NGV ให้มีต้นทุนการติดตั้งที่ถูกลง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการติดตั้งตัวถังซึ่งค่อนข้างสูงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้จำนวนผู้ใช้บริการก๊าซ NGV ของ ปตท.ต่ำกว่าเป้าหมาย

“ตอนนี้มีผู้มาใช้บริการก๊าซ NGV ไม่ถึง 10% ของเป้าหมาย คือมีเพียงประมาณ 3,000-4,000 ราย ปตท. จึงวางแผนว่าจะต้องเพิ่มจำนวนผู้ใช้ก๊าซเอ็นจีวีให้ได้มากขึ้น โดยเป้าหมายแรกยังคงเป็นกลุ่มรถแท็กซี่ ” จิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ กล่าว

ทั้งนี้ ก่อนที่ ปตท.จะบุกตลาด NGV อีกครั้งจำเป็นต้องปรับปรุงระบบส่วนควบในการจ่ายก๊าซเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยขณะนี้ได้ปรับปรุงสถานีแม่บริเวณ ถนนนิมิตใหม่ กรุงเทพฯ เสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยมีการติดตั้งเครื่องเพิ่มความดันเพื่อเพิ่มศักยภาพในการจ่ายก๊าซไปยังสถานีลูกที่อยู่ใกล้เคียง นอกจากนั้นจะสร้างสถานีแม่แห่งใหม่อีก 2 สถานี คือที่รังสิต จ.ปทุมธานี และที่ไทรน้อย จ.นนทบุรี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ค.2548   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us