|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บริษัทเพิ่มสินสตีล เตรียมยื่นไฟลิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เม.ย.นี้ โดยเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 400 ล้าน เป็น 5000 ล้าน ‘ชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์’ เผย จะออกขาย 100 ล้านหุ้น เพื่อระดมทุนไปใช้สร้างโรงงานใหม่ 2 แห่ง พร้อมทั้งเร่งขยายกำลังการผลิตและออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 3 ตัว หวังดันรายได้ปี 48 เพิ่มเป็น 2.2 พันล้านบาท
เป็นที่น่าสังเกตว่าปีนี้ธุรกิจเหล็กต่างพากันจ่อคิวกันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) ก็เป็นบริษัทหนึ่งที่กำลังเตรียมตัวเข้าตลาดเพื่อนำเงินมาใช้ในขยายกำลังการผลิตเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัท
ชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ ‘ผู้จัดการรายสัปดาห์’ ถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มสิน ว่า บริษัทเพิ่มสินจะยื่นไฟลิ่งในต้นเดือน เม.ย.นี้ โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 400 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท โดยออกหุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้น (ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ) เพื่อระดมทุนมาใช้การสร้างงานผลิตเหล็ก C-Line (เหล็กที่ใช้ในการยึดฝ้าเพดาน) และโรงงานงานผลิตแผ่นหลังคาเคลือบสารโพลียูลิเทน (PU) ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนในส่วนที่เหลือนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทต่อไป
“โรงงานทั้ง 2 แห่งดังกล่าว จะอยู่ที่มหาชัย จ.สมุทรสาคร บนเนื้อที่ประมาณ 1 หมื่นตารางเมตร โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท ขณะนี้การก่อสร้างคืบหน้าไป 40% แล้ว ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเดินเครื่องได้ในเดือน มิ.ย.2548 ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) ระบุ
นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะขยายกำลังการผลิตและออกผลิตภัณฑ์ใหม่อีกหลายตัว โดยแผนงานในปี 2548 บริษัทเพิ่มสินจะกำลังการผลิตในหลายผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1) หลังคาเหล็ก จะเพิ่มกำลังการจาก 2 ล้านตารางเมตรต่อปี เป็น 3 ล้านตารางเมตรต่อปี 2) เหล็กเคลือบเคมีด้วยไฟฟ้า เพิ่มกำลังการผลิตจาก 4.5 พันตันต่อปี เป็น 6 พันตันต่อปี
สำหรับแผนงานในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้นั้น มี 3 รายการ คือ
1) แผ่นหลังคาเคลือบสารโพลียูลิเทน (PU) ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันความร้อน กันไฟ และกันเสียง ใช้ในการสร้างโรงงาน โดยจะนำออกจำหน่ายในเดือน เม.ย.นี้ และจะผลิตออกสู่ตลาดประมาณ 6 แสนตารางเมตรต่อปี คาดว่าจะสามารถทำรายได้ได้ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี
2) เหล็ก C-Line ซึ่งเป็นเหล็กที่ใช้ในการยึดฝ้าเพดาน โดยวางเป้าหมายว่าจะผลิตออกมาประมาณ 10 ล้านเส้นต่อปี และ 3) เหล็กกล้าแรงดึงสูงชุบสังกะสี รูปตัวซี (C) จะผลิตจำนวน 1.2 หมื่นล้านตันต่อปี
“การเพิ่มกำลังการผลิตและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ดังกล่าวจะทำให้ในปี 2548 บริษัทเพิ่มสินมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีรายได้ 1.6 พันล้านบาท ถึง 37.5% ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) กล่าว
บริษัทเพิ่มสินฯเป็นบริษัทผลิตและจำหน่ายเหล็กรีดเย็นที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์ เครื่องใช้สำนักงาน เช่น โต๊ะ ตูเอกสาร เครื่องใช้ไฟฟ้า และโครงสร้างอาคาร มีจุดเด่นเรื่องความพร้อมด้านเครื่องไม้เครื่องมือในการตัดและผ่าเส้นเหล็ก สามารถซื้อวัตถุดิบได้จำนวนมากและราคาถูกเนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ค้าเหล็กรีดเย็นรายใหญ่ บริษัทมีการรับประกันสินค้า ในกรณีที่สินค้ามีปัญหาผู้ซื้อสามารถนำสินค้ามาเปลี่ยนได้ อีกทั้งยังมีทีมวิศวกรที่คอยให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าในเรื่องการขึ้นรูปเหล็กอีกด้วย
มียอดขายเหล็กรีดเย็นที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ปีละ 1 แสนตันต่อปี เหล็กกล้าแรงดึงสูง ซึ่งมีความยืดหยุ่นสูงและใช้ในการก่อสร้างโรงงาน 1.2 หมื่นตันต่อปี เหล็กเคลือบเคมี 6 พันตันต่อปี แผ่นหลังคา 2 ล้านตารางเมตรต่อปี โดยส่วนใหญ่ 95% เป็นการขายภายในประเทศ และที่เหลืออีก 5% ส่งออกไปยังจีน อินเดีย บังคลาเทศ และเวียดนาม
ชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ มั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทเพิ่มสินฯมีทิศทางที่สดใส เนื่องจากในปี 2548 มีการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และการก่อสร้างค่อนข้างสูง ส่งผลให้ความต้องการเหล็กรีดเย็นเพิ่มขึ้นด้วย ปัจจุบันประเทศไทยสามารถผลิตเหล็กรีดเย็นได้ประมาณ 2.2 ล้านตันต่อปี ขณะที่ความต้องการทั้งระบบสูงถึง 6 ล้านตันต่อปี แม้ว่าโรงงานผลิตเหล็กรีดร้อนในไทยหลายแห่งกำลังดำเนินการขยายกำลังการผลิต แต่ปัจจุบันยังไม่มีโรงงานเหล็กรีดเย็นภายในประเทศโรงงานใดที่มีแผนจะขยายโรงงานหรือเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้ปริมาณความต้องการเหล็กรีดเย็นในตลาดมีมากกว่าปริมาณสินค้า
นอกจากนั้นขณะนี้ประเทศต่างๆยังมีความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้น โดยในปี 2548 จีนจะเพิ่มการผลิตรถยนต์อีก 1 เท่าตัว และมีโครงการก่อสร้างต่างๆเพิ่มขึ้น ด้านอินเดียกำลังจะเปิดประเทศ จึงต้องเร่งดำเนินการปรับปรุงสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ และคาดว่าเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวก็จะมีการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ส่วนสหรัฐอเมริกา ก็กำลังมีการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมหนัก
ขณะที่รัสเซียมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนสถานะจากผู้ส่งออกเหล็กมาเป็นผู้นำเข้า เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจภายในประเทศรัสเซียดีขึ้นจึงมีโครงการก่อสร้างเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการเหล็กเพิ่มสูงขึ้นด้วย เห็นได้ชัดว่ายอดส่งออกเหล็กของรัสเซียลดลงกว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถึง 60%
“ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นเหล็กขาดตลาด แต่เชื่อว่าในไตรมาส 4 ปีนี้ เหล็กจะมีราคาสูงขึ้น เนื่องจากขณะนี้ตลาดมีความต้องการเพิ่มขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือ ในปีนี้บริษัทรถยนต์และบริษัทด้านอุตสาหกรรมไฟฟ้าเพิ่มการลงทุนในไทยมากขึ้น อย่าง บริษัทนิสสัน โตโยต้า และอีซูซุ ต่างก็เร่งเพิ่มกำลังการผลิต” ชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ กล่าว
|
|
|
|
|