|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ไปรษณีย์ไทยก้าวสู่ปีที่ 3 เจรจาสสว.เตรียมตั้งบริษัทลูกลุยธุรกิจด้านการเงินและค้าปลีก สร้างธุรกิจให้มีความหลากหลาย โดยการต่อยอดจากธุรกิจที่มีอยู่ พร้อมโชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรกกำไร 333 ล้านบาท ตั้งเป้าสิ้นปีนี้กำไร 700 ล้านบาท
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการบริษัท ไปรษณีย์ไทย (ปณท) กล่าวถึงแผนการดำเนินงานเข้าสู่ปีที่ 3 ว่า ปณทมีแผนงาน 3 เรื่องหลักที่จะดำเนินการคือ 1.การรุกธุรกิจใหม่ๆ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น 2.อาจมีการตั้งบริษัทลูก เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจในสิ่งที่ปณทไม่ถนัด เช่น การเงิน ค้าปลีก 3.การนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
สำหรับการตั้งบริษัทลูกของปณทขณะนี้ ได้มีการเจรจากับสถาบันส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ไปบ้างแล้ว ส่วนจะเห็นเป็นรูปธรรมชัดเจนเมื่อไหร่ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการดำเนินการเป็นหลัก
การที่ปณท.มีแผนจะรุกเข้าไปในเรื่องของการเงิน หรือค้าปลีก เพราะมั่นใจในโครงสร้างพื้นฐานที่วางเอาไว้ เช่น ศูนย์ไปรษณีย์ที่มีอยู่ทั่วประเทศประมาณ 12-13 แห่ง ที่มีการสร้างอาคารไว้แล้ว มีพื้นที่ว่าง จึงมีแผนจะนำพื้นที่ดังกล่าวมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด บวกกับความเชี่ยวชาญด้านการจัดส่งของปณท เพื่อให้มีการเชื่อมทุกระบบตั้งแต่เจ้าของสินค้า การขนส่ง รวมถึงการจัดจำหน่าย
นายธีระพงศ์ สุทธินนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปณท กล่าวว่า สิ่งที่ปณทจะทำในปีที่ 3 คือ 1.ต้องเอาตัวเองให้รอด สามารถเลี้ยงตัวเองได้ 2.สร้างคุณภาพบริการ ความพึงพอใจกับลูกค้า และการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีของพนักงาน จากนโยบายตรงนี้ ปณทได้มีการปรับปรุงแบรนด์ใหม่ ที่จะต้องผูกใจพนักงานเข้าไปด้วย ส่วนสีจะเน้นแดงเป็นหลัก โดยใช้แดงขาว ขณะที่โลโกยังใช้แบบเดิม นอกจากนี้ ยังจะมีการเปลี่ยนเครื่องแบบพนักงานให้มีความทันสมัยมากขึ้น รถก็จะมีการทำให้มีสีสันใหม่ๆ มากขึ้น แผนดังกล่าวปณทจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่ 9 ม.ค. 2549 เพราะเรื่องเหล่านี้ต้องใช้เวลา โดยเฉพาะการเตรียมใจให้พร้อมของพนักงาน
“เราจะไม่กระโดดโลดเต้นหวือหวา แต่จะปรับตัวเข้าสู่การทำงานในแบบใหม่ๆ แต่ยังเป็นบริการขั้นพื้นฐานสำหรับคนทั่วไป”
การให้บริการของปณทที่ผ่านมามี 4 บริการหลักคือ 1.บริการสื่อสาร เช่น จดหมาย ไปรษณียบัตร อีเอ็มเอส 2.ประเภทขนส่ง เช่น พัสดุภัณฑ์ 3.การเงิน เช่น ธนาณัติ ตั๋วแลกเงิน 4.ค้าปลีก โดยรับเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าต่างๆ เช่น เครื่องสำอาง จนถึงการเปิดให้เช่าพระเครื่องโดยมีรายได้หลักมาจากบริการประเภทสื่อสาร
ในรอบปีที่ผ่านมาปณทพยายามต่อยอดจากธุรกิจที่มีอยู่ เช่น รับหุ้มห่อ เก็บเงินให้ รับจ้างจ่าหน้าให้ ขณะเดียวกันก็พยายามสร้างพันธมิตรกับบริษัทอื่นที่สามารถทำงานร่วมกันได้ แม้บางอย่างจะต้องแข่งขันกันก็ตาม เช่น การร่วมกับไทยทิกเก็ต มาสเตอร์ ขายตั๋วกีฬา หรือตั๋วบันเทิงต่างๆ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมบริการใหม่ๆ เช่น รับส่งหนังสือหรือเอกสารจากงานนิทรรศการ
“ปีที่ 3 ก็คงทำเหมือนปีที่ 2 เพราะดีอยู่แล้ว แต่จะมีการต่อยอดออกไปให้มีความหลากหลายขึ้นจากสิ่งที่เราลงทุนไปแล้ว เหมือนการขายก๋วยเตี๋ยวที่มีเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ ก็จะต้องมีบะหมี่ หมี่หยก เพราะถ้าเราหวังพึ่งจากธุรกิจสื่อสารเพียงอย่างเดียว หากมีการแข่งขันที่สูงขึ้นอาจไม่เป็นผลดี”
ด้านผลการดำเนินงานในรอบปี 2548 ช่วง 6 เดือนแรก ปณทมีรายได้จากการดำเนินงาน 6,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2547 ประมาณ 811 ล้านบาท หรือโตขึ้น 15% ขณะที่รายได้มีทั้งหมด 5,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,096 ล้านบาท หรือ 23% แต่ยังมีกำไร 333 ล้านบาทปัจจัยที่ทำให้ปณทมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น เพราะมีการปรับเงินเดือนพนักงาน 3% และ 2 ขั้น รายจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มจากรายได้บริการธนาณัติ 45 ล้านบาท และค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น 13 ล้านบาท และในเมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2548 ปณทตั้งเป้าไว้ว่าจะมีกำไรสูงถึง 700 ล้านบาท
“ในภาวะน้ำมันแพงเช่นนี้น่าจะเป็นโอกาสของเรา เพราะอาจจะทำให้ผู้ประกอบการบางรายเลิกงานด้านขนส่ง แล้วหันมาให้บริการของปณทแทน ขณะที่ปณทเองก็จะพยายามยืนราคาค่าบริการเดิมไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้”
|
|
|
|
|