เคยได้รับการยกย่องจากวงการว่าเป็นคู่พันธมิตรที่น่าประทับใจ และร่วมมือร่วมใจกันอย่างดีเลิศระหว่างบริษัทผู้ผลิตมือถืออีริคสันจากสวีเดน
กับบริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าโซนี่ จากญี่ปุ่นจนเกือบจะกลาย เป็นหนึ่งในตำนานของการร่วมมือข้ามชาติอยู่แล้ว
แต่มาถึงวันนี้ อีริคสันกลับออกมาเปรยๆ ว่า อาจจะตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจ
ในด้านการผลิตมือถือกับโซนี่เสียแล้ว
คำเปรยๆ ที่ว่านี้เริ่มออกมา ปรากฏตามสื่อมวลชนเมื่อไม่นานมานี้เองหลังจากที่ธุรกิจของอีริคสันในด้านโทรศัพท์มือถือไม่สามารถกระเตื้องดีขึ้นได้อย่าง
ที่อีริคสันคาดหวังไว้ ทำให้ผู้บริหารของอีริคสันเห็นว่าการร่วม มือกันทางธุรกิจต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไรเพิ่มขึ้น
การร่วมธุรกิจเชิงพันธมิตรกันระหว่างอีริคสันกับโซนี่เกิดขึ้น เมื่อปีที่แล้วเป็นดรีมทีมที่รวบ
รวมผู้เชี่ยวชาญมาจากบริษัทอีริคสันและทีมงานบริหารลูกค้ามาจากโซนี่ แต่ยอดการจำหน่ายก็ยังคงหดหายลงเรื่อยๆ
ซึ่งนักวิเคราะห์เชื่อว่าน่าจะมาจากปัญหาของช่องทางการจำหน่ายมากกว่าการผลิต
ผู้บริหารของอีริคสันออก ตัวว่าการตัดสินใจดังกล่าวเป็นเพราะอีริคสันไม่อยากจะทำผิดพลาดอีกเป็นซ้ำสองในเชิงกลยุทธ์
การผลิตและการตลาดและไม่อยากให้เงินลงทุนจมลงไปในธุรกิจที่ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้
ที่ผ่านมาอีริคสันเองเป็นฝ่าย ประสบปัญหาทางธุรกิจมือถือ ทำให้แสวงหาแนวคิดสร้างสรรค์
ใหม่ๆ มาสร้างสีสันด้วยการเชิญ ชวนโซนี่เข้าร่วมลงทุน และตัด สินใจลดพนักงานของอีริคสัน
ลงไป 42,000 คน และสร้างทีม งานร่วมกันระหว่าง 2 บริษัทเพื่อ ผลิตโทรศัพท์มือถือร่วมกัน
แต่ภาวะตกต่ำทางธุรกิจที่มาจากความต้องการของตลาด ก็ยังไม่ดีขึ้นทั่วโลกทำให้อีริคสันประเมินว่าผลดำเนินงานของกิจการคงไม่สามารถกลับเป็นกำไรได้อีกครั้ง
ก่อนปี 2004 แน่นอน และยิ่งกว่านั้นส่วนแบ่ง ทางการตลาดของอีริคสันก็กลับลดลง
จาก 7.7% เหลือเพียง 5.3% เท่านั้นในขณะที่บริษัทโนเกียคู่แข่งจากฟินแลนด์
ที่เป็นเจ้าตลาด มือถือทั่วโลกกลับมีส่วนแบ่งทาง การตลาดเพิ่มขึ้น และสามารถขายมือถือได้
1 ใน 3 เครื่องที่จำหน่ายได้ใหม่ในโลก
ตอนนี้อีริคสันให้โอกาสกับ การร่วมลงทุนครั้งนี้อีก 3-4 ไตร มาส เพื่อดูให้ชัดเจนว่าธุรกิจจะ
มีผลดำเนินงานดีขึ้นบ้างหรือไม่ แต่คงไม่ยอมเพิ่มเงินลงทุนอัดใน ธุรกิจร่วมทุนอีกแล้วในปีนี้
ทางผู้บริหารของโซนี่กล่าวว่าถึงแม้ว่าการร่วมธุรกิจกันระหว่างบริษัทกับอีริคสันจะยุติลง
ในที่สุด แต่เป้าหมายที่จะวางตำแหน่งทางการตลาดของโซนี่ก็ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
เพราะโซนี่ยืนยันอย่างชัดเจนว่าการตัดสินใจร่วมธุรกิจกับอีริคสันไม่ ใช่เรื่องเล่นๆ
และโซนี่ต้องการจะพบกับความสำเร็จจากธุรกิจนี้ เช่นกัน หากสามารถแก้ไขปัญหา
ทางด้านช่องทางการตลาดได้ เชื่อ ว่าน่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น