เซเว่นฯไม่หวั่นร้านเออาร์ที เผยลูกค้าคนละกลุ่มเป้าหมาย เตรียมผันตัวเองเป็นร้านอาหารและเครื่องดื่มตามนโยบายบริษัทแม่
พร้อมเริ่มทยอยปรับพื้นที่ลดสัดส่วนพื้นที่สินค้าอุปโภค หันเพิ่มสินค้าประเภทอาหารพร้อมกิน
ล่าสุดเตรียมออกเมนูข้าวอีกหลายชนิด
จากแนวนโยบายการช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อยอย่างจริงจังของภาครัฐจนนำไปสู่
การจัดตั้งบริษัทรวมค้าปลีกเข้มแข็ง หรือ เออาร์ที ที่มีนโยบายและเป้าหมายจะดึงผู้ประกอบการโชห่วยทั้งประเทศเข้ามาเป็นสมาชิกให้ได้อย่างน้อย
100,000 ราย ในระยะเวลา 3 ปี ส่งผลให้เกิดเป็นเชนค้าปลีกรูปแบบร้านสะดวกซื้อใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ทำให้ผู้นำในตลาดดังกล่าวอย่างเซเว่น อีเลฟเว่นต้องปรับตัวอย่างเร่งด่วนเพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต
หลังเออาร์ที เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี. เซเว่น อีเลฟเว่น
จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของร้านเซเว่น อีเลฟเว่น จากนี้ต่อไปว่า
จะผันตัวเองให้เป็นร้านอาหารปรุงสำเร็จพร้อมกินและเครื่องดื่มมากขึ้น ตามนโยบายของร้านเซเว่น
อีเลฟเว่น ที่มีอยู่ทั่วโลกเห็นได้จากขณะนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนสินค้าภายในร้านโดยมีเมนูที่เป็นอาหารประเภทข้าวปรุงสำเร็จภายใต้แบรนด์
“อีซี่โก” และอาหารว่างประเภท ขนมจีบ ซาลาเปา รวมถึงเมนูไส้กรอกรมควันต่างๆ
อีกทั้งยังปรับพื้นที่ใช้วางบาร์น้ำ ให้มีหลากหลายชนิดมากขึ้น โดยลดสัดส่วนพื้นที่สินค้าอุปโภคต่างๆให้น้อยลง
และในสิ้นเดือนนี้จะเปิดตัวเมนูข้าวกล่องปรุงสำเร็จอีกหลายรสชาติ
ดังนั้นการที่บริษัทรวมค้าปลีกเข้มแข็ง หรือ เออาร์ที ซึ่งจัดตั้งโดยกระทรวงพาณิชย์
จะเปิดร้านสะดวกซื้อเออาร์ที จำหน่ายสินค้าประเภทอุปโภคในราคาย่อมเยาจึงไม่ส่งผลกระทบต่อ
ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพราะลูกค้าคนละกลุ่มเป้าหมาย แต่ในทางกลับกัน บริษัทยินดีที่จะสนับสนุนให้เกิดร้านดังกล่าว
เพื่อช่วยเหลือร้านค้าปลีกรายย่อย(โชห่วย) และพร้อมที่จะให้คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มที่
“ความจริงแล้วร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่มีอยู่ทั่วโลก จะเน้นขายสินค้าประเภท
อาหารและเครื่องดื่ม ที่รับประทานได้ทันทีทุกเวลา แต่ในประเทศไทยตอนเริ่มเปิดร้าน
เซเว่น อีเลฟเว่น เน้นเป็นร้านสะดวกซื้อที่ขายสินค้าอุปโภค ประเภทของใช้ในครัวเรือน
และของใช้ส่วนตัวเป็นหลัก ทั้งที่สินค้ากลุ่มดังกล่าวมีสัดส่วนกำไรน้อยกว่าสินค้าประเภทอาหารและเครื่องดื่ม”
นายปิยะวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตามมูลค่าตลาดค้าปลีกประเภทดิสเคานต์สโตร์ต่อปีมีเม็ดเงินประมาณ
40,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้ของเซเว่น อีเลฟเว่นมีประมาณมากกว่า 10,000ล้านบาท
หรือคิดเป็น 30% ของรายได้ในตลาดดิสเคานต์สโตร์ ดังนั้นเซเว่น อีเลฟเว่น
จึงไม่ใช่คู่แข่งของร้านโชห่วย เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ที่เข้ามาใช้บริการร้านเซเว่น
อีเลฟเว่น จะเลือกซื้อของกินมากกว่าของใช้
นายปิยะวัฒน์ กล่าวอีกว่ารัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทยยืนยันชัดเจนถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศว่าจะเติบโตที่
3-4% ของจีดีพี ทำให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจที่จะจับจ่ายเงินในการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น
เห็นได้จากการเปิดสาขาจำนวนมากมายของทั้งดิสเคานต์สโตร์ ซูเปอร์มาร์เก็ต
หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่น อีเลฟเวน ซึ่งแต่ละแห่งแต่ละสาขาทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น