• คุณสมบัติของร้านค้าที่จะสมัครเป็นสมาชิกเออาร์ที จะต้องเป็นอย่างไร
ต้องเป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง หรือการค้าประเภทเดียวกัน
หรือได้รับมอบหมายจากผู้ประกอบการดังกล่าว ให้ดำเนินการเป็นสมาชิกในนามของธุรกิจนั้นๆ
โดยมีความประสงค์ที่จะพัฒนาธุรกิจต่อไป และมีความพร้อมที่จะเข้ารับการอบรมจากเออาร์ทีทั้งก่อนและหลังการพัฒนาร้านค้าแล้ว
• จะเข้าร่วมโครงการของเออาร์ทีได้อย่างไร?
สมัครได้ที่บริษัท รวมค้าปลีกเข้มแข็ง จำกัด เลขที่ 2034 ชั้น 29 อาคารอิตัลไทย
ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10240 หรือ โทรศัพท์
02-716-1600 ต่อ 8500 , 8504 หรือหอการค้าประจำจังหวัดทุกจังหวัด
• ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
หลังจากที่ร้านค้าติดต่อกับเออาร์ทีแล้ว ทางเออาร์ที จะให้ร้านค้ากรอกใบสมัคร
และเขียนแผนที่ตั้งร้านค้า เพื่อเออาร์ทีจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยกับเจ้าของร้านแต่ละร้านว่ามีความต้องการอะไร
แล้วนำกลับมาวางแผนเพื่อพัฒนาร้านค้าแต่ไป
• ร้านค้าต้องเสียค่าใช้จ่ายในการอบรมหรือไม่
ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น นอกจากนี้สมาชิกยังได้รับสิทธิในการซื้อสินค้าเข้าร้านในราคาที่ถูกลง
และได้รับบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน ได้รับการส่งเสริมทางการตลาด การอบรมความรู้ทางด้านค้าปลีกฟรี
• ในการปรับปรุงร้านต้องใช้เงินมากหรือไม่
ขึ้นอยู่กับว่าจะพัฒนาร้านค้าให้ดีเพียงใด โดยเริ่มตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป
สำหรับปรับปรุงจัดวางสินค้าให้เป็นระเบียบ ส่วนรายที่ต้องการปรับปรุงให้เป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่
ทางเออาร์ที จะมีรูปแบบของร้านค้าให้เลือก 4 รูปแบบ คือ แบบเอ ร้านค้า 2
คูหา ติดแอร์ , แบบบี ร้านค้า 2 คูหา ไม่ติดแอร์ , แบบซี ร้านค้า 1 คูหา
ติดแอร์ และแบบดี ร้านค้า 1 คูหา ไม่ติดแอร์ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงร้านของแต่ละรายไม่เท่ากัน
ขึ้นอยู่กับความพร้อม และรูปแบบของร้านเดิมว่ามีการตกแต่งให้สวยงามอยู่ก่อนแล้วหรือไม่
• ถ้าไม่มีเงินทุนพัฒนาร้านค้า จะทำอย่างไร
ทางเออาร์ที ได้ร่วมกับสถาบันการเงินคือ ธนาคารกรุงไทย และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม
หรือ บอย. ที่จะสนับสนุนสินเชื่อให้โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน
• ถ้าอยู่ต่างจังหวัดจะต้องติดต่อที่ไหน
หอการค้าจังหวัดทั้ง 75 จังหวัดจะเป็นตัวกลางในการประสานงานกับเออาร์ที
สำหรับสั่งซื้อสินค้า และช่วยติดต่อกับสถาบันการเงินให้
• สินค้าที่สั่งซื้อจากเออาร์ที เป็นสินค้าประเภทใด
สินค้าที่เออาร์ทีจะให้บริการนั้น มาจากซัปพลายเออร์กว่า 20 ราย อาทิ ยูนิลีเวอร์
สหพัฒน์ พีแอนด์จี คอลเกต เป็นต้น โดยแต่ละรายจะนำเสนอสินค้าขายดีรายละไม่เกิน
20 รายการ ซึ่งราคาที่ซัปพลายเออร์จำหน่ายให้แก่ร้านค้ารายย่อยจะเป็นราคาเท่ากับที่ขายให้แก่ค้าปลีกรายใหญ่
• หลังจากที่ปรับปรุงร้านค้าแล้ว ยอดขายจะเพิ่มขึ้นหรือไม่
จะค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะต้นทุนสินค้าที่ลดลงอันเนื่องมาจากการรวมกันสั่งซื้อสินค้าในปริมาณมาก
เพราะซัปพลายเออร์ให้ความร่วมมือในการเสนอราคาสินค้าที่เท่ากับค้าปลีกรายใหญ่
นอกจากนี้การจัดร้านค้าให้มีระเบียบ รวมทั้งโปรโมชั่นที่จะมีให้แก่ลูกค้า
จะส่งผลให้คนเข้าร้านเพิ่มขึ้น ซึ่งร้านค้าที่เออาร์ที ได้เข้าไปปรับปรุงแล้วประมาณ
30 ราย พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้น จนบางร้านยอดขายกลับเข้าสู่ภาวะปกติหรือเท่ากับยอดขายก่อนที่จะเกิดผลกระทบจากค้าปลีกรายใหญ่แล้ว
• เมื่อปรับปรุงร้านค้าเสร็จแล้วต้องทำอะไรต่อไปอีกหรือไม่
ร้านค้าควรรับการอบรมความรู้ทางด้านค้าปลีกอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวในวงการค้าปลีก
ในการเตรียมความพร้อมที่จะรับมือกับการแข่งขัน รวมทั้งการพัฒนาร้านค้าให้ทันสมัยและบริการลูกค้าได้ตรงกับความต้องการ
ซึ่งจะช่วยให้ร้านค้าปลีกมีความเข้มแข็งและสามารถแข่งขันทางการค้าต่อไปได้