เพอร์เฟคฯ เผยแผนปรับเพิ่มสัดส่วนสร้างบ้านแบรนด์ เพอร์เฟคพาร์ค ผุดแบรนด์ใหม่พัฒนาคอนโดฯราคา 1-3 ล้านเป็น 35% เจาะกลุ่มลูกค้ากลาง-ล่าง หวังเติบโตต่อเนื่องส่วนทางตลาดขาลง เล็งขึ้นคอนโดฯ 3 ทำเลทอง ย่านพัฒนาการ-รัตนาธิเบศร์-ฝั่งธนฯย่านถนนเชื่อมต่อตากสิน แจงพื้นที่ในการพัฒนาต่อโครงการไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ มูลค่าขายกว่า 7,000 ล้านบาทต่อโปรเจกต์ ยอมรับหลังน้ำมัน ดอกเบี้ย วัสดุก่อสร้าง เงินเฟ้อปรับขึ้น กระทบกำลังซื้อลูกค้าหันซื้อที่อยู่อาศัยตามกำลังผ่อนส่ง
นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า บริษัทจะเริ่มปรับเปลี่ยนสัดส่วนการก่อสร้างในแบรนด์ต่างๆ ใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบัน โดยในปี 2548 บริษัทได้มี การรีแบรนด์ชื่อ แบรนด์มณีรินทร์ใหม่เป็นโดยใช้ชื่อแบรนด์ว่า เพอร์เฟค พาร์ค และมีการปรับเพิ่มสัดส่วนการก่อสร้างบ้านในแบรนด์ เพอร์เฟคพาร์ค เพิ่มเป็น 30% แบรนด์เพอร์เฟคเพลส 50% และแบรนด์ มาสเตอร์พีช ลดลงมาเหลือ 20% (พิจารณาตารางประกอบ)
สำหรับในปี 2549 บริษัทมีแผนจะปรับสัดส่วนการก่อสร้างบ้านใหม่อีกครั้ง โดยจะเน้นการเพิ่มสัดส่วนการก่อสร้างบ้านในแบรนด์ เพอร์เฟคพาร์ค และนอกจากนี้จะตั้งแบรนด์ใหม่เข้ามาเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับ 1-3 ล้านบาท โดยจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางล่าง ซึ่งจะนับรวมไว้เป็นเซกเมนต์เดียวกับ เพอร์เฟคพาร์ค ที่ทำบ้านเดี่ยวในระดับราคาระหว่าง 3-5 ล้านบาท ทำให้ในปี 49 สัดส่วนในการสร้างบ้านในแบรนด์ เพอร์เฟค พาร์ค มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 35% ส่วน แบรนด์เพอร์เฟคเพลสจะมีสัดส่วน 50% เท่าเดิม แต่ในแบรนด์มาสเตอร์พีชจะลดลงมาเหลือเพียง 15% เท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทจะเริ่มปรับเพิ่มสัดส่วนการก่อสร้างบ้านในแบรนด์ เพอร์เฟคพาร์ค จัดตั้งแบรนด์ใหม่เข้ามาเพื่อให้สอดรับกับดีมานด์และกำลังซื้อของลูกค้าในตลาด ซึ่งนับจากต้นปีที่ผ่านมาผลกระทบจากราคาน้ำมัน วัสดุก่อสร้างและอัตราดอกเบี้ย รวมถึงอัตราเงินเฟ้อ ที่ เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อของลูกค้าในตลาดลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ และหันมาพิจารณาซื้อที่อยู่อาศัยใน ระดับราคาต่ำลงเพื่อให้เหมาะสม กับกำลังและความสามารถในการซื้อของลูกค้าเอง
นายธีระชนกล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการปรับรูปแบบการก่อสร้างบ้าน โดยหันมาสร้างบ้าน สั่งสร้างมากขึ้น และลดจำนวนบ้านพร้อมอยู่ลงโดยเฉพาะในบ้านระดับราคา 10 ล้านขึ้นไป เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท เนื่องจาก การสร้างบ้านพร้อมอยู่ทำให้บริษัทต้องใช้ทุนในการก่อสร้างจำนวนมาก และหากยอดขายไม่ดีก็จะยิ่งทำให้เกิดต้นทุนทางด้านดอกเบี้ย จากสต๊อก บ้านที่เหลืออยู่ในมือมากขึ้น
สำหรับการปรับเพิ่มสัดส่วนบ้านในแบรนด์ เพอร์เฟคพาร์ค บริษัทจะเริ่มปรับเพิ่มสัดส่วนตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 3 เป็นต้นไป ส่วน แบรนด์ใหม่ที่จะก่อตั้งขึ้นมาเพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมนั้น บริษัทจะผลักดันให้สามารถเริ่มพัฒนาโครงการให้ได้ในช่วงกลางไตรมาส 4 ของปีนี้ เพื่อให้มียอดขายเข้ามาในช่วงปลายปี และจะช่วย ให้ในปี 2549 บริษัทมีรายได้รับรู้ที่เพิ่มขึ้นและมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมที่เพอร์เฟคจะเริ่มพัฒนา จะเน้นคอนเซ็ปต์การพัฒนาในโครงการขนาดใหญ่ในเนื้อที่ตั้งแต่ 100 ไร่ขึ้นไป
โดยในแต่ละโครงการจะมี ศูนย์บริการชุมชนขนาดใหญ่ และ ในทุกโครงการจะแบ่งการพัฒนา ออกเป็น 7 เฟส ประมาณเฟสละ 15 ไร่ และในแต่ละเฟสจะมีการก่อสร้างอาคาร 8-10 อาคาร ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะพัฒนาเป็นพื้นที่ส่วนกลาง หรือคิดเฉลี่ยต่อโครงการจะมีพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 70-75% หรือใช้พื้นที่ในการพัฒนาเป็นอาคารไม่เกิน 25-30% ของพื้นที่ทั้งหมดของโครงการ โดยจะมีขนาดห้องให้เลือก 4 ขนาด คือ ห้องสตูดิโอไทพ์ขนาดพื้นที่ 32 ตารางเมตรราคาขาย 9.6 ล้านบาท ห้องขนาดพื้นที่ 40 ตารางเมตร ราคาขาย 1.2 ล้านบาท ห้องขนาดพื้นที่ 50-60 ตารางเมตร ราคา 1.5-1.8 ล้าน บาท
นายธีระชนกล่าวว่า สำหรับจำนวนยูนิตในแต่ละโครงการเฉลี่ยแล้วจะมีอยู่ประมาณ 5,000 ยูนิต หรือคิดเป็นมูลค่าต่อโครงการประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อโครงการ คิดเฉลี่ยมูลค่าขายเฟสละ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในการพัฒนาโครงการแต่ละโครงการจะใช้งบลงทุนในการก่อสร้างประมาณ 400 ล้านบาท โดยจะใช้เงินกู้ 70-75% อีก 25% เป็นกระแสเงินสดของบริษัท เอง
อย่างไรก็ตามโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด เพอร์เฟคจะเน้นพัฒนาในพื้นที่ใกล้โครงข่ายระบบราง โดยขณะนี้ บริษัทมีที่ดินสะสมที่คาดว่าจะนำมาใช้พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 3 แปลง ประกอบด้วย 1. ที่ดินในเขตพัฒนาการ 200 ไร่ ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการแอร์พอร์ตลิงก์ 2.ที่ดินย่านรัตนาธิเบศร์ 600 ไร่ ซึ่งขณะนี้มีการพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวไปแล้วบางส่วน และ 3.ที่ดินย่านฝั่งธนบุรีใกล้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีตากสิน 100 ไร่
ทั้งนี้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ว่าจ้างให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำการศึกษาข้อมูลในทุกด้านเกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า และการพัฒนาโครงการ โดยคาดว่าจะสามารถ สรุปได้ในปลายเดือน ส.ค.นี้ อย่างไรก็ตามการพัฒนาโครงการคอนโด- มิเนียมถือว่าเป็นธุรกิจใหม่สำหรับ เพอร์เฟค ทำให้บริษัทต้องว่าจ้างบริษัทออกแบบจากต่างประเทศเข้ามาดีไซน์รูปแบบโครงการให้
โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัท ที่มีผลงานเกี่ยวกับการออกแบบโครงการคอนโดมิเนียมในต่าง ประเทศหลายๆ ประเทศมาแล้ว ส่วนการคัดเลือกผู้รับเหมานั้น บริษัทจะเปิดประมูลโดยจะให้เอกชนเข้ามาประมูลแบบเทิร์นคีย์ เน้นผู้รับเหมารายใหญ่อาทิ บริษัท อิตาเลียนไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทไมวาน จำกัด
อนึ่ง (วานนี้) เพอร์เฟค ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 5,013,565,176 บาท เป็น 6,213,565,176 บาท โดยการ ออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 2,000,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ 6 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ในการพัฒนาโครงการใหม่และใช้เป็นเงินหมุนเวียนของบริษัท
|