เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ฯ ซื้อ บริษัท ทริลเลี่ยน ดิเวลลอปเม้นท์ จากบริษัทลูกพรีบิลท์ จำนวน 60.36 ล้านบาท ระบุตามกฎ ก.ล.ต.ที่ต้องการให้พรีบิลท์ เป็นบริษัทในหมวดรับเหมาก่อสร้าง ระบุนโยบายการลงทุนยังคงเดิม เน้นตลาดทาวน์เฮาส์ระดับราคา 8 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท เหตุเป็นฐานลูกค้าใหญ่สุด
วานนี้ (15 ส.ค.) บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตื้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือเอพี ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติให้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในบริษัท ทริลเลี่ยน ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด อีก 60% จากบริษัทพรีบิลท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทลูก โดยจะต้องทำรายการภายใน 30 วัน นับจากวันที่ 15 สิงหาคม 2548
สำหรับหุ้นที่เอพีซื้อมาจำนวน 6,000,000 หุ้น คิดเป็น 60% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด มูลค่าหุ้น (Par Value) ของทริลเลี่ยนฯ 10 บาท/หุ้น ทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 100 ล้านบาท (10,000,000 หุ้น) สัดส่วนการถือหุ้นก่อนเข้าทำรายการ 39.99% สัดส่วนการถือหุ้นหลังเข้าทำรายการ 99.99% มูลค่าที่จ่ายชำระหุ้นละ 10.06 บาท รวมเป็นเงิน 60.36 ล้านบาท จ่ายเป็นเงินสด โดยใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท
นายภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและการลงทุน บริษัทเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ฯ เปิดเผยว่า การเข้าซื้อหุ้นในบริษัททริลเลี่ยนซึ่งเป็นบริษัทลูกของพรีบิลท์นั้น เนื่องจากพรีบิลท์ อยู่ระหว่างยื่นขออนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เพื่อจะเข้าเทรดในหมวดรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งทาง ก.ล.ต. ได้ท้วงติงว่าต้องให้พรีบิลท์ดำเนินธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งอย่างชัดเจน ดังนั้น เอพีซึ่งเป็นบริษัทแม่จึงได้ซื้อ บ.ทริลเลี่ยนเข้ามา โดยใช้กระแสเงินสดของบริษัทจำนวน 60.36 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถโอนเข้ามาได้ภายใน 2 อาทิตย์นี้
สำหรับบริษัท ทริลเลี่ยนฯ ได้จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ดำเนินการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้ชื่อโครงการมนวดี เอ็คคลูซีฟ และแกรนด์ มนวดี เป็นโครงการทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท บนเนื้อที่ 106 ไร่ ซึ่งตั้งอยู่ที่บางบัวทอง โดยซื้อที่ดินมาจาก บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) มูลค่า 120 ล้านบาท เปิดเฟสแรก จำนวน 294 ยูนิต เนื่อที่ 20 ไร่ ขณะนี้มียอดขายแล้วกว่า 132 ยูนิต ซึ่งถือว่ามียอดขายที่ดีมาก
"ภายหลังจากซื้อทริลเลี่ยนเข้ามาแล้ว แผนการลงทุนยังคงเป็นเช่นเดิม การก่อสร้างยังคงให้พรีบิลท์เป็นผู้ดำเนินการ จะเปลี่ยนเฉพาะการทำบัญชีเท่านั้น ซึ่งการลงทุนของทริลเลี่ยนเองจะยังคงขยายพัฒนาในที่ดินแปลงดังกล่าวก่อน เพราะเหลือที่ดินอีกกว่า 80 ไร่ ซึ่งยอดขายที่ผ่านมาขายดีมาก ส่วนการขยายไปยังทำเลอื่นนั้นขณะนี้ยังไม่มีแผน ต้องรอให้ทริลเลี่ยนมีกระแสเงินสดเป็นบวก เพื่อลด ความเสี่ยงจากการลงทุน หลังจากนั้นค่อยมาว่ากันใหม่ว่าจะรุกไปทางไหน" นายภูมิพัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการระดับราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุด และเชื่อว่าตลาดนี้จะยังสามารถขยายไปได้อีกจำนวนมาก แต่การพัฒนาบ้านระดับดังกล่าวความสามารถในการทำกำไรจะน้อยกว่าทำบ้านระดับบน ต้องอาศัยขายจำนวนมากๆ ซึ่งปัจจุบันมีกำไรขั้นต้นอยู่ประมาณ 25-30% ในขณะที่เอพี มีกำไรขั้นต้น 35%
นายภูมิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการลงทุนของเอพีนั้น ได้เตรียมเม็ดเงินประมาณ 700 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการในช่วงกลางปีหน้า โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาประมาณ 3-4 แปลง แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยบริษัทมีเม็ดเงินจากกระแสเงินสด และมี Back Lock อีกจำนวน 4,100 ล้านบาท โดยจะรับรู้ในปีนี้จำนวน 1,700 ล้านบาท ส่วนที่เหลือไปรับรู้ในปี 2550 ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลังเอพียังคงแผนดำเนินงานเช่นเดิม คือ เปิดโครงการใหม่ 8 โครงการมูลค่า 6,500 ล้านบาท
"ภาวะตลาดในปัจจุบันการชะลอตัวของเศรษฐกิจได้ส่งผลกระทบบ้าง ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจนานขึ้น เลือกมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ซื้อ คนที่ต้องการซื้อบ้านก็จะซื้ออยู่เช่นเดิม สินค้าอะไรที่ตรงกับความต้องการของเค้าๆก็จะซื้อ ที่ผ่านมาทาวน์เฮาส์ของเอพีขายดีมาก ตอนนี้ขายหมดแล้วเหลือเพียงบ้านตัวอย่าง ทำให้เราต้องพัฒนาสินค้าในส่วนนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง หาซื้อที่ดินเพิ่ม ตอนนี้บ้านราคาต่ำกว่า 6 ล้านบาท ยังเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่มาก ส่วนบ้านระดับบนอาจจะชะลอไปบ้าง" นายภูมิพัฒน์กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2 และสะสมงวด 6 เดือนปี 48 มีผลกำไรสุทธิ 166.935 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 47 มีกำไรสุทธิ 210.727 ล้านบาท ขณะที่งวด 6 เดือน มีกำไรสุทธิ 315.420 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 354.527 ล้านบาท
|