กทช.ผ่อนปรนท่าทียอมปรับลดค่าธรรมเนียมให้ทีโอที ทำให้ภาระโดยรวมที่จะต้องจ่าย 5 พันล้านบาทเหลือเพียง 1 พันล้านบาทซึ่งทำให้ไม่กระทบแผนเข้าตลาดหุ้นตามนโยบายรัฐบาล แต่ด่านสุดท้ายจำเป็นต้องให้บอร์ดกทช.ทั้งชุดเห็นชอบตาม ด้วย

นายธีรวิทย์ จารุวัฒน์ กรรม-การผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที กล่าวว่าได้มีการหารือกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ในเรื่องภาระค่าธรรม-เนียมต่างๆ ที่ทีโอทีจะต้องจ่ายหลังจากที่ได้รับใบอนุญาตประ-กอบกิจการโทรคมนาคม โดยได้ข้อ สรุปที่เป็นที่น่าพอใจเนื่องจากกทช. เข้าใจถึงแผนทีโอทีจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯในปลายปีนี้ ซึ่งภาระที่เพิ่มขึ้นมาจำนวนมากจะกระทบต่อแผนดังกล่าว ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ กทช.จะปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมต่างๆ ทำให้จาก เดิมที่ทีโอทีจะต้องจ่ายค่าธรรม-เนียมต่างๆ รวมกันเกือบ 5 พันล้าน บาท ก็ลดลงเหลือประมาณ 1 พันล้านบาท

แต่อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการ นำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกทช. เนื่องจากยังมีกรรมการกทช.บางคนที่ยังไม่เห็นด้วย

ทีโอทีได้ขอต่อรองกับกทช. ในการปรับลดค่าธรรมเนียมในรายการต่างๆ ประกอบด้วย

1.ค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคม ซึ่งกทช.จะเก็บในอัตราเลขหมายละ 1 บาทต่อเดือนหรือ 12 บาทต่อปี โดยที่ปัจจุบันมีเลขหมายใช้งานอยู่ทั้งหมด 40 ล้านเลขหมาย หากทีโอทีต้องจ่ายตามอัตรากทช.จะอยู่ที่ประมาณปีละ 480 ล้านบาท ทีโอทีจึงเสนอที่จะจ่าย เลขหมายละ 50 สตางค์ต่อเดือน หรือปีละ 240 ล้านบาท

2.ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมที่กทช.จะเก็บในอัตรา 3% ของรายได้ ทีโอที ซึ่งตกลงกันที่ 6.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็นเงินประมาณ 1,900 ล้านบาทต่อปี โดยที่ทีโอทีพร้อมจ่ายกทช.ประมาณ 0.5% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 320 ล้านบาท

3.ค่าธรรมเนียมในการให้บริการโทรคมนาคมโดยทั่วถึง (Universal Service Obligation หรือ USO) ที่กทช.จะเก็บในอัตรา 4% จากรายได้ 6.3 หมื่นล้านบาทหรือประมาณ 2,500 ล้านบาท ทีโอที ก็ขอที่จะไม่จ่ายค่า USO

ในขณะที่ทีโอทีจะขอให้กทช. พิจารณาหากลไกในอนาคตเพื่อจะจ่ายเงินให้ทีโอทีชดเชยกับการให้บริการ USO ของทีโอที เนื่องจากที่ผ่านมาทีโอทีมีหลายโครงการที่เป็นบริการ USO โดยปีที่ผ่านมาทีโอทีรับภาระขาดทุนจากบริการ USO มากถึงประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

ตามข้อเสนอของทีโอทีจะทำให้ภาระเดิมที่กทช.กำหนดให้ต้องจ่ายประมาณ 5 พันล้านบาทลด เหลือประมาณ 500 ล้านบาทซึ่งเป็น อัตราที่ทีโอทีเห็นว่าเหมาะสมและไม่มีผลกระทบต่อแผนเข้าตลาดฯ

สำหรับอัตราที่กทช.อาจพิจารณาปรับลดให้ประกอบด้วย 1.ค่าธรรมเนียมการใช้เลขหมายโทรคมนาคม จากเดิมเลขหมายละ 12 บาทต่อปี ก็ลดให้เหลือเลขหมาย ละ 7 บาทต่อปี 2.ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต จากเดิม 3% กทช.อาจลดให้เหลือ 1.25% และ 3.ค่า USO ซึ่งเดิมเก็บ 4% กทช.อาจพิจารณายกเว้นให้ทีโอทีไม่ต้องจ่ายเลยก็ได้ เพราะที่ผ่านมาทีโอทีได้ลงทุนโครง การที่เข้าลักษณะ USO จำนวนมาก ส่วนเรื่องค่าธรรมเนียมการใช้คลื่นความถี่ยังไม่มีข้อตกลงกันเนื่อง จากกทช.ยังไม่ได้สรุปอัตราค่าธรรมเนียม

ด้านพล.อ.ชูชาติ พรหมพระ-สิทธิ์ ประธานกทช. กล่าวว่า กทช. จะเร่งหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปในเรื่องนี้โดยเร็ว เพราะทีโอทีมีแผนที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลัก-ทรัพย์ราวเดือนพ.ย.ที่จะถึงนี้ อย่าง ไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในเรื่องใดๆ กทช.จะต้องพิจารณาหาอัตรา ที่เหมาะสมอย่างรอบคอบ เนื่อง จากอัตราดังกล่าวจะต้องนำไปใช้กับผู้ที่จะขอรับใบอนุญาตทุกรายในอนาคต

ก่อนหน้านี้ นายสมชัย เลิศ-สุทธิวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ ส่วนงานธุรกิจสื่อสารไร้สาย บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส ได้ออกมาแสดงจุด ยืนของกลุ่มชินคอร์ปถึงความไม่เห็นด้วยในหลักการคิดค่าธรรม-เนียมต่างๆของ กทช. ใน 3 ประเด็น สำคัญ ประกอบด้วย

1.หลักการคิดรายได้ของกทช. ควรมีรายได้ในระดับที่พอเพียงกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการกำกับ ดูแลอุตสาหกรรมโทรคมนาคม อย่างค่าใช้จ่ายภายในสำนักงาน หรือค่าใช้จ่ายสำหรับการศึกษาด้านต่างๆ แต่สูตรการคิดค่าธรรม-เนียมของกทช.กลับนำเรื่องมูลค่าทางเศรษฐกิจมารวมอยู่ด้วย ซึ่งถือเป็นหลักการที่ไม่ถูกต้อง เพราะค่าธรรมเนียมดังกล่าวจะถูกผลักไปเป็นภาระของผู้บริโภค

2. การคิดค่าธรรมเนียมด้วยหลักการเปอร์เซ็นต์จากรายได้ เหมือนเป็นส่วนแบ่งรายได้ของสัญญาร่วมการงานในอดีต ซึ่งกทช.ควรใช้หลักการตั้งงบประ-มาณที่ชัดเจนในแต่ละปีว่าจะใช้งบ ประมาณเท่าไหร่เพื่อทำเรื่องอะไรบ้าง ไม่ใช่เก็บจำนวนมากเผื่อไว้ถ้าเหลือค่อยส่งคืนกระทรวงการคลัง ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และ 3.ค่าธรรมเนียมต่างๆต้องเก็บจากผู้ได้รับใบอนุญาตในอัตราเท่าเทียม กัน เพราะการขอใบอนุญาตใหม่ก็เหมือนกับทุกคนตั้งต้นที่จุดเดียว กัน ควรเสียค่าธรรมเนียมเท่ากัน

"เอไอเอสเป็นรายใหญ่ในของ เก่า เน็ตเวิร์กเก่าที่เอามาคิดรวมกัน ไม่ได้ กรณีไลเซนส์ใหม่อย่าง 3G ถือว่าทุกคนเท่ากันหมด ถ้าต้องเสีย USO ก็ต้องเสียเท่ากัน จะคิดว่าเอไอเอสเป็นรายใหญ่ต้องจ่ายมากกว่าก็ไม่ถูกต้องนัก"