ปตท.วางแผนแก้ปัญหาน้ำขาดแคลน เตรียมสั่งซื้อเครื่องทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืด พร้อมกับขุดบ่อและขนส่งน้ำทางเรือเพื่อจัดหาน้ำให้เพียงพอป้อนให้บริษัทในเครือที่ มาบตาพุดโดยไม่ต้องลดกำลังการผลิต แม้ว่าอีสท์ วอเตอร์จะไม่จัดสรรน้ำให้เลย

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้กำหนดนโยบายรับมือ ปัญหาการขาดแคลนน้ำในปีหน้าแล้ว โดยยืนยันว่าหากเกิดปัญหาน้ำขาดแคลน 50-100% โรงงานในเครือปตท.จะดำเนินการผลิตได้โดยไม่ต้องลดกำลังการผลิต โดยแนวทางที่ดำเนินการนั้น ได้แก่ การขนส่งน้ำทางเรือ การขุดบ่อ รวมไปถึงการซื้อเครื่องทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืด ซึ่งมีต้นทุนน้ำ 20-30 บาท/ลูกบาศก์เมตรถูกกว่าการขนส่งน้ำจากที่ไกลๆ เพื่อป้อนให้กับบริษัทลูกในเครือที่นิคมฯมาบตาพุด

อย่างไรก็ตาม แนวทางดังกล่าวเป็นการจัดหาน้ำเพื่อเสริม กับปริมาณน้ำที่จัดซื้อจากบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เนื่องจากราคาน้ำดิบจากอีสท์ วอเตอร์จะต่ำกว่าต้นทุนน้ำที่จัดหาจากการทำน้ำทะเลมาเป็นน้ำจืด หรือการขนส่งน้ำทางเรือ เป็นต้น

นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯได้นำถังเก็บแนฟธาที่ไม่ได้ใช้มากักเก็บน้ำแทน คิดเป็นปริมาณ 80 ล้านลิตร รวมทั้งขุดบ่อในโรงงานทำให้เก็บน้ำได้อีก 7.5 หมื่นลบ.ม. รวมไปถึงการเช่าเรือบรรทุกน้ำจำนวน 6 ลำด้วย ซึ่งเพียงพอที่จะใช้ภายในโรงงาน

จากการเตรียมพร้อมรับมือปัญหาการขาดแคลนน้ำดังกล่าว ทำให้บริษัทฯมีภาระค่าใช้จ่ายในการลงทุนครั้งนี้ประมาณ 100 ล้านบาท

ด้านนายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในระยะสั้นบริษัทฯจะไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำขาดแคลนในภาคตะวันออก แต่ในปีหน้าคาดว่าจะเกิดปัญหาได้ ดังนั้น จึงได้ดำเนินการซื้อเครื่องทำน้ำทะเลเป็นน้ำจืด ภายหลังจากมีเอเยนต์เจ้าของเครื่องจักรที่ติดตั้งในเกาะสมุยเสนอขาย โดยเครื่องดังกล่าวผลิตน้ำจืดได้ 5 พันตันต่อยูนิต เงินลงทุน 800 ล้านบาท โดยบริษัทเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯเพื่ออนุมัติเรื่องดังกล่าว โดยพิจารณาถ้าจะติดตั้งเครื่องจักร 2-3 ยูนิตก็จะเพียงพอต่อความต้องการใช้ทั้งหมด