เซ็นทรัล เร่งพัฒนาธุรกิจร้านอาหารสไตล์ตะวันตกแบรนด์แรกของกลุ่ม ธุรกิจฟาสต์ฟูด
หลังพบปัญหาแฟรนไชส์มีข้อจำกัดมาก ชี้ถือเป็นการสนองนโยบายรัฐที่ให้ผู้ประกอบการไทยเร่งสร้างแบรนด์ธุรกิจของตนเอง
ด้านธุรกิจโรงแรมเตรียมตั้งกองทุนอสังหาฯ ลงทุนในโรงแรม 3 แห่ง ที่ภูเก็ต
กระบี่ และพัทยา พร้อมตั้งเพิ่มอีก 1 กองทุน สำหรับเตรียมขยายการลงทุนโรงแรม
และรีสอร์ตใหม่ทางภาคใต้
นายแดน ชินสุภัคกุล ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริหาร บริษัท โรงแรมเซ็นทรัล พลาซา
จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันธุรกิจเซ็นทรัล ฟาสต์ฟูด ได้ เปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มเซ็นทรัล
ฟูด เพื่อ รองรับร้านอาหารที่ไม่ใช่ฟาสต์ฟูดด้วย โดยก่อนสิ้นปีนี้บริษัทจะขยาย
ธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัล ฟูด ด้วยการ เปิดร้านอาหารสไตล์ตะวันตกรสชาติแบบไทยๆ
อีก 1 แบรนด์ ซึ่ง เป็นการพัฒนาของบริษัทเอง หลังจากได้เตรียมการมาตั้งแต่ต้นปี
เมื่อพิจารณาถึงการขยายธุรกิจกลุ่มอาหาร โดยดูจากผลประกอบการเซ็นทรัล ฟูด
ช่วง 6 เดือน ที่ผ่านมามีรายได้ 1,265 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 19.5% มีอัตราการเติบโตสูงกว่าธุรกิจโรงแรมที่ทำราย
ได้ 1,019 ล้านบาท มีอัตราลดลง 1.2%
การขยายสาขาของร้านอาหาร ตะวันตกปีแรกจะเปิดให้บริการ 1-2 แห่งเท่านั้นเพื่อทดลองตลาดก่อน
ว่าจะได้รับความนิยมจากลูกค้าหรือ ไม่ คาดว่าจะใช้งบลงทุนแห่งละ 10 ล้านบาทเท่านั้น
เพราะอุปกรณ์บาง อย่างจะนำมาจากร้านเบอร์เกอร์คิง ที่เลิกดำเนินการไปแล้ว
การพัฒนาธุรกิจร้านอาหารตะวันตก ในครั้งนี้ เกิดจากบริษัทต้องการพัฒนาแบรนด์ร้านอาหารของตนเอง
และตอบสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ผู้ประกอบการคนไทย พัฒนาแบรนด์สินค้าของตนเอง
ประกอบกับการขยายสาขารูปแบบแฟรนไชส์ มีข้อกำหนดมากมาย บางครั้งเป็นข้อจำกัดด้านการบริหาร
และการขยายสาขา
"ขณะนี้กลุ่มเซ็นทรัล ฟูด ถือ เป็นผู้บริหารธุรกิจฟาสต์ฟูด รายใหญ่รายหนึ่งของประเทศไทย
ทีมปฏิบัติการของบริษัทถือเป็นทีมบริหารที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆ
ซึ่ง การทำร้านอาหารตะวันตกในครั้งนี้ ก็ใช้งบลงทุนไม่สูง" นายแดนกล่าว
ในปีนี้บริษัทวางแผนใช้งบลงทุนในกลุ่มอาหารประมาณ 100 ล้านบาท ต่ำกว่าปีก่อนที่ใช้งบลงทุน
ไปกว่า 400 ล้านบาท จากการขยาย สาขาพิซซ่า ฮัท เป็นหลัก ส่วนในปี 2546 เป็นต้นไป
บริษัทวางแผนจะใช้งบลงทุนเฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท
ปัจจุบันี้ กลุ่มเซ็นทรัลฟูด มีร้านพิซซ่า ฮัท 26 แห่ง เคเอฟซี 102 แห่ง
บาสกิ้น ร้อบบิ้น 42 แห่ง มิสเตอร์โดนัท 131 แห่ง แอนตี้ แอนส์ 17 แห่ง รวมทั้งหมด
318 แห่ง โดยร้านบาสกิ้น ร้อบบิ้น และ แอนตี้ แอนส์ เริ่ม ทำกำไรเป็นครั้งแรก
ด้านการลงทุนในธุรกิจโรงแรมนั้น นายแดน กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ให้บริษัทหลักทรัพย์
กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้จัดทำกองทุน อสังหาริมทรัพย์ให้ เพื่อนำไปใช้ลงทุนธุรกิจโรงแรม
3 แห่ง ที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างและปรับปรุง คือ โรงแรมเซ็นทรัล ภูเก็ต
รีสอร์ต ,เซ็นทรัล กระบี่ เบย์ รีสอร์ต และเซ็นทรัล วงศ์อมาตย์ ซึ่งจะใช้เงินลงทุน
3 โครงการจำนวน 4,500 ล้านบาท
การจัดตั้งกองทุนจะจัดตั้งก่อนเดือน พ.ย. 2545 คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนกลุ่มสถาบันการเงิน
ธนาคาร กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เนื่องจากขณะนี้กลุ่มสถาบันการเงินและธนาคารมีเงินเหลืออยู่ในระบบจำนวนมาก
ทั้งนี้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ที่จะจัดตั้งขึ้นจะต้องมีมูลค่าที่ทำให้บริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนในอัตรา
1:1 โดยอาจจะจัดตั้งกองทุนละ 1,500 ล้านบาท โดยจะมีอายุขั้นต่ำ 8 ปี อย่างไรก็ตาม
บริษัทยังมีแนวคิดจะจัดตั้งกอง ทุนเพิ่มอีก 1 กองทุน เพื่อเตรียมไว้ใช้ขยายธุรกิจ
โรงแรมที่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา เช่น ที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ที่ซื้อที่ดินไว้แล้ว
และยังสนใจจะขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตทางภาคใต้อีกหลายแห่ง
สำหรับผลประกอบการกลุ่มโรงแรมเซ็นทรัลในช่วง 6 เดือนแรก มีรายได้ 1,019
ล้าน บาท ลดลง 1.2% เนื่องจากบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการปรับฐานลูกค้าใหม่
ด้วยการเพิ่มราคา ห้องพัก ที่ขณะนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 2,707 บาทต่อคืน จากเดิมอยู่ที่
2,657 บาทต่อคืน ทำให้อัตราการ เข้าพักเฉลี่ยลดลงจาก 72.8% ในปีก่อนเหลือ
65.3% ในปีนี้ ซึ่งการปรับขึ้นราคาห้องพักในครั้งนี้ เพราะโรงแรมต้องการได้ลูกค้าที่มีคุณภาพมากกว่าลูกค้าทั่วไป
เชื่อว่าหลังจากปรับฐานลูกค้าได้ ชัดเจนแล้ว จะมีรายได้และกำไรจากธุรกิจโรงแรมมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาโรงแรม เซ็นทรัล ดิลี่ ที่ติมอร์
ตะวันออก ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญาเช่าของทหาร สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ
หลังจากติมอร์ ตะวันออกได้รับเอกราชแล้ว ทำให้อัตราการเข้าพักจาก 80% ลดลงเหลือเพียง
10% เท่านั้น