|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
สามารถคอร์ป โชว์ผลประกอบการไตรมาส 2 กำไรสุทธิ 115 ล้านบาท พร้อมประกาศปรับโครงสร้างใหม่ รวมสายธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมและไอทีเข้าด้วยกัน อยู่ภายใต้ธุรกิจใหม่ "ICT Solutions & Services" เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและลดต้นทุนในการดำเนินงาน ทั้งสอดคล้องกับธุรกิจที่จะขยายเพิ่มมากขึ้นตามแนวทางกระจายความเสี่ยงจากรายได้หลัก ขณะที่มีความเป็นไปได้ที่กลุ่มสามารถจะลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคอย่างไฟฟ้า
นายธวัชชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ที่ผ่านมากลุ่มสามารถมีรายได้หลักการจากบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย ประมาณ 60-70% ของรายได้รวมของทั้งกลุ่ม โดยที่ผ่านมารายได้หลักของไอโมบายนี้มีปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบหลายอย่าง เช่นภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจ ความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค จึงทำให้กลุ่มสามารถมองหาสายธุรกิจใหม่ที่จะมาเป็นตัวเสริมรายได้หลักในปัจจุบัน ความเป็นไปได้ของการขยายธุรกิจใหม่ของกลุ่มสามารถ ให้ความสำคัญที่การลงทุนในธุรกิจสายพลังงานหรือ ยูทิลิตี้ หรือสาธารณูปโภค โดยมีโจทย์ที่เป็นตัวตั้งคือ ต้องเป็นธุรกิจที่มีรายได้แน่นอน เป็นรายได้ประจำ มีการทำสัญญาทำธุรกิจอย่างถูกต้อง
"ธุรกิจใหม่ที่เราจะทำจะเป็นธุรกิจใหญ่ที่ผ่านการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการตลาดมาเป็นอย่างดี เป็นธุรกิจที่มีความสม่ำเสมอของรายได้ ซึ่งแน่นอนในระยะแรกอาจทำรายได้ไม่สูงนัก แต่ในแง่กำไรแล้ว คาดว่าจะอยู่ในสัดส่วนที่ดี โดยในช่วงแรกต้องมีการเตรียมความพร้อม ของทีมงาน เพื่อให้เกิดความเข้าใจในการทำธุรกิจใหม่นี้" นายธวัชชัย กล่าว
ธุรกิจใหม่ที่กลุ่มสามารถมองความเป็นไปได้ในการเข้าไปลงทุน โดยมีสามารถคอร์ปเป็นผู้ลงทุนร่วมกับพันธมิตรจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือนที่จะเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ส่วนหนึ่งอาจต้องมีการก่อสร้างและเริ่มให้บริการได้บ้างในช่วง 2 เดือนแรก
ขณะที่แหล่งข่าวในวงการกล่าวว่า สายธุรกิจใหม่ด้านสาธารณูปโภคที่กลุ่มสามารถจะเข้าไปลงทุน คาดว่าจะเป็นธุรกิจไฟฟ้า โดยก่อนหน้านี้กลุ่มสามารถมีการรีแบรนดิ้งองค์กรใหม่ โดยมีนโยบายชัดเจนที่จะไม่ลงทุนในธุรกิจเครือข่ายที่ต้องลงทุนสูง แต่ก็มีแนวทางชัดเจนเช่นกันในการมองหาธุรกิจใหม่ เพื่อเข้ามากระจายความเสี่ยงธุรกิจเดิมที่มีอยู่
"เราจะไม่แข่งกับใคร เราไม่ต้องการเป็นที่หนึ่งในการขอไลเซนส์ จากกทช.เป็นคนแรก แต่เราจะศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจที่จะทำก่อน รวมทั้งดูภาพรวมของตลาดเป็นหลัก" พร้อมกับแนวทางการขยายธุรกิจใหม่ กลุ่มสามารถมีการปรับโครงสร้างใหม่ เพื่อให้ธุรกิจมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ทั้งสอดคล้องกับการโอกาสทางการตลาดใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น โดยการรวมสายธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมและไอทีเข้าด้วยกันภายใต้ชื่อ สายธุรกิจ ICT Solutions &Services โดยบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ขายหุ้นบริษัท สามารถคอมเทค จำกัด (มหาชน)ให้แก่ บริษัท สามารถ เทลคอม จำกัด (มหาชน) ในมูลค่า ราว 876 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินสดและหุ้นเพิ่มทุน โดยสามารถเทลคอมจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 520 ล้านบาท เป็น 600 ล้านบาท
ผู้บริหารกลุ่มสามารถกล่าวว่า การปรับโครงการสร้างทางธุรกิจครั้งนี้จะทำให้เกิดความแข็งแกร่งทางธุรกิจกับสามารถเทลคอม ทำให้เกิดการผนึกกำลังของบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในสายธุรกิจที่ใกล้เคียงกันในการบุกและขยายตลาด เพื่อใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ และที่สำคัญเพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้นนี้ก็จะนำไปลงในธุรกิจใหม่ที่จะขยายเพิ่มขึ้นในอีก 2 เดือนข้างหน้า
ผลของการปรับโครงสร้างทางธุรกิจจะทำให้สายธุรกิจของกลุ่มสามารถประกอบด้วย1. สายธุรกิจ ICT Solutions &Services ให้บริการ โทเทิลโซลูชัน ทั้งภาครัฐและเอกชน ภายใต้การนำของบริษัท สามารถเทลคอม และบริษัท สามารถ คอมเทค 2. สายธุรกิจ Mobile Multi-media ดำเนินธุรกิจมือถือและสื่ออินเตอร์แอ็กทีฟ ผ่านทางบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) 3. สายธุรกิจ International เน้นธุรกิจและการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เช่น การให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ GSM 900 ที่ประเทศกัมพูชา โดยบริษัท แคมโบเดีย สามารถคอมมิวนิเคชั่น จำกัด และศูนย์ควบคุมการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชา โดย บริษัท แคมโบเดีย แอร์ ทราฟฟิค เซอร์วิส จำกัด และ 4. สายธุรกิจ Related Business ครอบคลุมธุรกิจอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับไอทีโดยตรง เช่นการผลิตเสาอากาศและจานดาวเทียมของบริษัท สามารถวิศวกรรม และธุรกิจบริการ Call Center ของบริษัท วัน ทู วัน คอนแทคส์ จำกัด
ในส่วนผลประกอบการ สามารถคอร์ปอเรชั่น มีรายได้รวมในครึ่งปีแรก 8,457 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 37% โดยในไตรมาส 2 ของปีนี้ มีรายได้รวมกว่า 4,221 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 20 % จากช่วงเดียวกันของปี 2547 ที่มีรายได้รวม 3,512 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิ 115 ล้านบาท
สายธุรกิจมือถือและอินเตอร์แอ็กทีฟมีรายได้เพิ่มขึ้น 18% และมีกำไรปกติจากการดำเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้น 25% จากยอดขายมือถือและบริการคอนเทนต์ที่เติบโตขึ้น สายธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมโดยบริษัท สามารถเทลคอม ทำรายได้เพิ่มขึ้น 16 % มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22% สายธุรกิจสื่อสารไอที โดยบริษัท สามารถคอมเทค ทำรายได้เพิ่มขึ้น 75% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา
จากแนวทางในการขยายธุรกิจใหม่โดยเริ่มจากการปรับโครงการใหม่รองรับ กลุ่มสามารถคาดว่า รายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้คือ 1.9 หมื่นล้านบาท ในปี 2548 โดยส่วนหนึ่งมาจากการรับรู้รายได้ของโครงการด้านสื่อสารโทรคมนาคมที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการ เติบโตของสามารถ ไอ-โมบาย ที่เห็นได้จากยอดรวมของทำตลาดโทรศัพท์มือถือได้ถึง 6.5 แสนเครื่อง ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ส่วนธุรกิจใหม่ที่อยู่ในระหว่างการขยายตัวในอนาคตอันใกล้ ยังมองเป็นรายได้ไม่มากนัก แต่มองในแง่ผลกำไรจะเห็นชัดเจนกว่า ใน 3-5 ปีหน้านี้
|
|
|
|
|