ในวงการเล่นหุ้น ข้อหาอินไซด์ เทรดดิ้ง หรือ ความฉ้อฉลจากการแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัว
โดยซื้อขายหุ้นจากข้อมูลคนวงใน ถือว่าเป็นข้อหาร้ายแรง ที่ต้องถูกจำคุกและปรับหนัก
อย่างที่หนังรางวัลออสการ์ เรื่อง "วอลล์สตรีท" แสดงนำโดย ไมเคิล ดักลาส,
ชาร์ลี ชีน และมาร์ติน ชีน ได้แสดงให้เห็น จุดจบว่า "ทุกความฝันนั้นมีราคา"
อย่างที่เคนเนธ คลิปปิน ผู้ประพันธ์เรื่องนี้ทิ้งไว้ให้ชวนคิด
หากใครติดตามสื่อและเว็บไซต์ เช่น The New York Times ซึ่งเสนอข่าวฉ้อฉลเกี่ยวกับมาร์ธา
สจ๊วต (Martha Stewart) ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหาอินไซด์ เทรดดิ้ง ขายหุ้น
ImClone ก่อนที่ราคา หุ้นจะตก เพราะองค์การอาหารและยาจะไม่อนุมัติยาต้านมะเร็งของบริษัทเพื่อนเธอ
Sam Waksal โดย โบรกเกอร์หนุ่ม Peter Baconovic แห่งเมอร์ลิน ลินช์ รีบขายหุ้น
ImClone จำนวน 3,928 หุ้นในราคา 227,824 ดอลลาร์สหรัฐ เพราะถ้าขายช้ากว่านี้หนึ่งวัน
เธอจะเหลือเงินเพียง 40,000 ดอลลาร์สหรัฐกว่า มาร์ธาอ้างว่าเธอไม่ผิดเพราะนี่คือ
"stop loss order"
ผลจากความโลภแบบ "fear & greedy" ของมาร์ธา ได้ทำลายความน่าเชื่อถือธุรกิจหลัก
Martha Stewart Living อย่างรุนแรง
มันเป็นเรื่องอันตรายที่ธุรกิจยักษ์ใหญ่จะ "อยู่" หรือ "ไป" ขึ้นอยู่กับ
"เธอ" คนเดียว!
มาร์ธา สจ๊วต ถือได้ว่าเป็นผู้หญิงที่ทรงพลังและร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งของอเมริกา
มาร์ธามีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก เทียบเท่าฮิลลารี่ และมาดอนน่า เธอ คือ
Role Model ของแม่บ้านพ่อเรือนที่รักความสมบูรณ์แบบ Martha Stewart Living
มาร์ธาสร้างอาณาจักรธุรกิจของ Martha Stewart Living Omnimedia จากพรสวรรค์ที่เธอมีตั้งแต่เกิด
ทำครัวก็เก่ง แถมจัดปาร์ตี้วันเกิด-วันแต่งงานได้น่าทึ่ง และทำสวนก็สวย ตกแต่งบ้านก็น่าอยู่ดูมีรสนิยม
ใบหน้าของเธอกลายเป็น Brand Image ของบริษัท ติดตาคนทั่วโลกที่อ่านนิตยสารขายดีที่สุด
"Martha Stewart Living", Martha Stewart Weddings, Martha Stewart Baby
นอกจากเธอยังมีรายการทีวีโชว์ "From Martha's Kitchen" ที่มีเรตติ้งผู้ชมถึง
5.5 ล้านคน หรือไปชอปปิ้งก็จะเห็นยี่ห้อสินค้า Martha Stewart Everyday ขณะที่เปิดหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สก็
เจอคอลัมน์ "Ask Martha" ซึ่งออกรายการวิทยุด้วย ไม่นับการสั่งซื้อสินค้าทางแคตตาล็อกของ
"Martha by Mail" และผลิตภัณฑ์สินค้าครัวเรือนพิเศษแบบ Martha Stewart Signature
รวมถึงเว็บไซต์ของ Marthastewart.com อีกด้วย
เธอกลายเป็น American Icon ที่ชี้นำวัฒนธรรมของอเมริกันชนได้
มาร์ธาเริ่มนำกิจการ Martha Stewart Living Omnimedia (MSO) ของเธอ เข้าตลาดหุ้นวอลล์
สตรีท เมื่อ 30 กรกฎาคม 1999 หรือประมาณ 3 ปี ที่แล้ว กลไกตลาดหุ้นได้สร้างความมั่งคั่งแก่มาร์ธา
เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีนี ที่มีกิจการมูลค่าถึง 1,270 ล้านดอลลาร์สหรัฐทันที
โดยมีธุรกิจสิ่งพิมพ์ทำรายได้มากที่สุดถึง 60%
หนังสือเล่มแรก Entertaining ของมาร์ธา ตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึง 29 ครั้งนับจากปี
1982 มันกลายเป็น "The Bible of the American dinner party" ที่แม่ศรีเรือนซื้อไว้เป็นคู่มือจัดปาร์ตี้
ชื่อเสียง เกียรติยศ และเงินทองเป็นของมาร์ธา ซึ่งบ้างานขนาดนอนน้อยมากเพียงวันละ
4 ชั่วโมง เธอทุ่มเทกับการขยายงาน บินไปมาระหว่าง บ้านสามหลังที่นิวยอร์ก,
อีสต์ แฮมพ์ตัน และเวสต์พอร์ตที่คอนเน็กติกัต เธอบ้างาน และมีโทสะจริตรุนแรงแบบไม่ควบคุมตัวเองเลย
และชอบแสดงออกถึงนิสัยชอบควบคุมและมีอำนาจเหนือคนอื่นอย่างรุนแรง
มาร์ธาเธอทำให้สามีรู้สึกต่ำต้อยจากการที่ไม่สามารถเป็นผู้นำครอบครัวที่ดี
ที่ไม่สามารถหาเงินได้เก่ง ลองนึกภาพชีวิตภายใต้คฤหาสน์เลิศหรูที่ทุกอย่างสมบูรณ์แบบมาร์ธา
แต่ "ไร้รัก" มันก็เปรียบเหมือน "สุสาน" ที่ตกแต่งไว้อย่างงดงามแต่ไม่มีชีวิตชีวา
ในที่สุด ชีวิตแต่งงานของเธอกับ Andy ต้อง อับปางลงด้วยการหย่าร้าง ทั้งคู่มีลูกสาวคนเดียวชื่อ
Alexis ซึ่งปัจจุบันอายุ 37 ปีแล้ว
แต่ Martha ก็ยังคงเดินหน้าต่อไม่หยุดแม้จะมีวัย 61 แล้ว โชคร้ายที่ช่วงหลังเธอขาดทุนจากการลงทุนในธุรกิจใหม่
เช่น Kmart ซึ่งล้มละลาย และล่าสุดต้องเสียชื่อเสียงเกียรติยศกับข้อหาอินไซด์
เทรดดิ้ง กรณีขายหุ้น ImClone ด้วยความรู้สึก "fear & greed" ผลมันทำให้เธอ
"ได้ไม่คุ้มเสีย"
วันนี้ หุ้น MSO (Martha Living Omnimedia) หล่นวูบเหลือ 8.12 ดอลลาร์สหรัฐ
จาก 20.93 ดอลลาร์สหรัฐ (18 มี.ค.) เธอสูญเสียเงินกว่า หลายล้านดอลลาร์สหรัฐ
มาร์ธามีทางเลือกไม่มากนักกับการรักษาธุรกิจให้อยู่รอด ข่าวล่าสุดเธอตัดสินใจว่าจะทำ
Leverage buyout (LBO) เพื่อซื้อหุ้น MSO ทั้งหมดเสียเอง เป็นตรรกะที่นักค้าหุ้น
วอลล์สตรีทยอมรับได้ด้วยราคา 12 ดอลลาร์สหรัฐ
ผู้หญิงทรงอิทธิพลที่สุดของอเมริกันชนคนนี้ ขายภาพลักษณ์ "ความสมบูรณ์แบบ"
ที่สอนแม่บ้าน พ่อเรือนมีรสนิยมและวัฒนธรรมแบบ Martha Stewart Living
แต่วันนี้คดีอื้อฉาวทางการเงินได้ฉุดนางฟ้าตกสวรรค์แล้ว ไม่นับข่าวในอดีตที่เธอขับรถชนสถาปนิกของเพื่อนบ้าน
เพราะขัดหูขัดตากับรสนิยม และบดบังทัศนียภาพของเธอ ที่ทำให้เกิดคำถามว่า
วันนี้ใครอยากจะเป็นเพื่อนบ้านของมาร์ธา สจ๊วตอีกบ้าง?
ภาพนางมารร้ายของมาร์ธา สามีทนกับอารมณ์ร้ายของเธอไม่ได้ จนต้องหย่ากันในปี
1990 ส่วนลูกสาวคนเดียว Alexis ก็แทบคลั่งอยากฆ่าเธอ เพราะความรู้สึกทั้งรักและเกลียดแม่ที่เอาแต่สร้างภาพแม่ที่สมบูรณ์แบบของลูก
ตั้งแต่สามขวบเธอก็ถูกจัดฉากชูโรงให้แม่แล้ว
Norma Collier พูดถึงอดีตเพื่อนรักที่เธอเคยร่วมก่อตั้งธุรกิจจัดปาร์ตี้
The Uncatered Affair ยุคแรกๆ ว่า "หล่อนเป็นพวกจิตวิปริตและเป็นผู้หญิง
ที่ร้ายกาจ ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าหรือแม้แต่จะคิดถึงคนคนนี้อีกเลยตลอดชีวิตนี้"
(อ่านประวัติย่อ มาร์ธาได้จากคอลัมน์ Books & Idea ที่แนะนำหนังสือ Martha
Inc. เขียนโดย Christopher Byron)
น้ำเริ่มลด ตอเริ่มผุด หลังเหตุการณ์ 9/11 ปรากฏการณ์ล่มสลายของธุรกิจยักษ์ใหญ่
เป็นความล้มเหลวของระบบทุนนิยมกับกระแสธรรมาภิบาลแบบจอมปลอม ที่บูชาเงินเป็นพระเจ้า
โดยธรรมาภิบาลเป็นเพียงคำพูดสวยหรู Martha Stewart วันนี้กำลังตกที่นั่งลำบาก
มาร์ธา สจ๊วตอาจจะต้องเสียคนตอนแก่กระมัง?