Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 สิงหาคม 2548
พารากอนคาดก.พ.ปีหน้าเปิดครบงบตลาด300ล.ดึงออสซี่จัดระบบเซฟตี้             
 


   
search resources

สยามพารากอน ดิเวลลอปเม้นท์, บจก.
Shopping Centers and Department store




สยามพารากอน เลื่อนเปิดเป็นวันที่ 1 ธันวาคมศกนี้ เหตุร้านค้าเช่าอาจตกแต่งไม่ทัน เตรียมอัดงบตลาดช่วงเปิดตัว 300 ล้านบาท คาดคืนทุน 3 ปี อินเตอร์แบรนด์พาเหรดเปิดชอปเพียบ ผุดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกหลายแบรนด์ ทั้งโครงการมูลค่าลงทุนขยับมาอยู่ที่ 15,000 ล้านบาทแล้ว

นางชฎาทิพ จูตระกูล ผู้บริหารสูงสุด นางสาวศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการบริหาร นายเกรียงศักดิ์ ตันติพิภพ ผู้บริหารสายการตลาด บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารโครงการศูนย์การค้าสยามพารากอน ร่วมกันเปิดเผยว่า โครงการสยามพารากอนได้เลื่อนเปิดตัวไปเป็น วันที่ 1 ธันวาคมศกนี้ โดยจะเปิดบริการก่อนในส่วนของศูนย์การค้าประมาณ 75% ส่วนเฟสที่สองจะเปิดโรงหนังและพารากอนฮอลล์ ขณะที่สยามโอเปร่าจะเปิดหลังจากนี้อีก 18 เดือนตามกำหนดเดิม แต่ทั้งโครงการคาดว่าจะสามารถเปิดบริการได้ครบประมาณเดือนกุมภาพันธ์ปี หน้า ส่วนโรงแรมที่บริหารโดยเครือเคมปินสกี้นั้นจะเริ่มก่อสร้างสิ้นปีนี้ และเปิดบริการประมาณปี 2551 แต่การก่อสร้างตัวอาคารเป็นไปตามแผนงาน

การเลื่อนเปิดบริการออกไปจากเดิมที่กำหนดช่วงเดือนพฤศจิกายนนั้นเป็นเพราะว่าส่วนหนึ่งมาจากร้านค้าเช่าที่ยังไม่สามารถส่งแบบสรุปที่ชัดเจนเพื่อเข้ามาตกแต่งได้ ซึ่งเป็นเพราะโครงการเป็นระดับโลก ร้านค้าทุกร้านจึงต้องการความละเอียดและความเป็นเอกลักษณ์ของร้าน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เร่งรีบดำเนิน งานแล้ว โดยปลายเดือนกันยายนนี้จะมีร้านค้าเข้ามาตกแต่งประมาณ 65% และสิ้นเดือนกันยายนจะมีประมาณ 80% ของทั้งหมด จากกว่า 250 ร้านค้า ทั้งนี้ทั้งโครงการงบประมาณก่อสร้าง ได้ขยับมาอยู่ที่ 15,000 ล้านบาทแล้ว

สำหรับการเปิดตัวของโครงการนี้ ได้ตั้งงบ ประมาณการตลาดไว้รวม 300 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกนี้ คือตั้งแต่ธันวาคมปีนี้ถึงกุมภาพันธ์ ปีหน้า ทั้งสื่อโฆษณาในประเทศและต่างประเทศด้วย โดยคาดหวังว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการในศูนย์ประมาณ 100,000 คนต่อวัน โดย แบ่งเป็นลูกค้าคนไทย 70% และต่างชาติ 30% และคาดว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 1,000 บาทต่อคนต่อครั้งในส่วนของห้างสยามพารากอน และประมาณ 3,000-4,000 บาทต่อคนต่อครั้งในส่วนของศูนย์การค้า และตัวโครงการเองคาดว่าจะมีรายได้เฉลี่ย 2,000 กว่าล้านบาทต่อเดือน โดยตั้งเป้าคืนทุนประมาณ 3 ปี

ส่วนร้านค้าที่เข้ามาเช่าพื้นที่ในส่วนของศูนย์การค้านั้นแบ่งเป็นอินเตอร์แบรนด์และโลคอลแบรนด์เท่ากัน 50% ส่วนร้านค้าในห้างนั้นแบ่งเป็นอินเตอร์แบรนด์ 30% และโลคอลแบรนด์ 70% ซึ่งร้านค้าอินเตอร์แบรนด์นั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแบรนด์ที่ยังไม่เคยเข้ามาจำหน่าย ในไทย หรือเป็นแบรนด์ที่ยังไม่เคยเปิดชอปในไทย รวมทั้งบางแบรนด์ก็เปิดเป็นแฟลกชิปสโตร์ แห่งแรกแห่งใหม่ด้วยคละเคล้ากันไปตามแต่ละประเภทของร้านค้าและบริการ เช่น

ร้านเสื้อผ้าแฟชั่น Giorgio Armani, Dolce & Gabbana, Jimmy choo, Escada เป็นต้น ส่วนร้านนาฬิกาแบรนด์ Patek Philippe, Franck Muller, Yafriro, Chopard เป็นต้น หรือร้านแบบไลฟ์สไตล์ เช่น Loft Interior ที่เป็น ร้านคอนเซ็ปต์ใหม่ Pasaya เป็นร้านแฟลกชิปสโตร์ ร้าน Peninsula Salon De The เป็นครั้งแรกที่ออกนอกชายคาตึกเพนนินซูลา เป็นต้น โดยร้านค้าอินเตอร์แบรนด์เหล่านี้จะมีค่าลงทุนตกแต่งร้านเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท มีพื้นที่ ตั้งแต่ 300-2,000 กว่าตารางเมตร คิดค่าเช่าเฉลี่ย 2,000 กว่าบาทต่อตารางเมตรต่อเดือนขึ้นไป

นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า การเจรจากับร้านค้าอินเตอร์แบรนด์นั้นใช้เวลาอย่างมากบางแแบรนด์นานกว่า 2 ปี เนื่องจากบางแบรนด์ยังไม่เคยเข้ามาลงทุนในไทยจึงต้องใช้เวลาในการศึกษา แต่เมื่อบริษัทฯพิสูจน์ให้เห็นได้ถึงจุดได้เปรียบและความโดดเด่นของโครงการนี้เมื่อเทียบ กับต่างประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งด้านการท่องเที่ยว อินเตอร์แบรนด์เหล่านั้นจึงตัดสินใจลงทุนในโครงการนี้

นางชฎาทิพ กล่าวว่า เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่ใหญ่มากพื้นที่กว่า 5 แสนตารางเมตรและเป็นโครงการระดับโลก การบริหารงาน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ จึงต้องเตรียมพร้อมด้านการบริการ โดยคาดว่าจะต้องใช้เจ้าหน้าที่และพนักงานไม่ต่ำว่า 1,000 คนในการดูแลและบริหารศูนย์การค้า บริหารงานระบบ และยังมีพนักงานของห้างสยามพารากอนอีกกว่า 3,000 คนด้วย ทั้งนี้ บริษัทฯได้ว่าจ้างบริษัทคอนโทรลลิสท์จากออสเตรเลียเข้ามาจัดการบริหารระบบรักษาความ ปลอดภัยต่างๆในโครงการทั้งระบบการจอดรถ การเข้ามาในศูนย์ ซึ่งจะเป็นระบบอีเล็กทรอนิกส์ อัจฉริยะทั้งหมด

นางสาวศุภลักษณ์กล่าวว่า โครงการนี้ไม่แพ้ ใครในย่านนี้ไม่ว่าจะเป็น แปซิฟิกเพลสหรือไอเอฟซีมอลล์ของฮ่องกง ทาคาชิมาย่าฮอลล์ของสิงคโปร์ พลาซ่า66ของเซี่ยงไฮ้ ไทเป101ของไต้หวัน หรือ ดูไบมอลล์ของดูไบ ซึ่งของเราสามารถที่จะต่อสู้ได้ ถึงขั้นที่ทางเอกชนสิงคโปร์มีการหารือถึงว่าเมื่อโครงการของเรานี้เปิดตัวแล้ว จะให้ภาครัฐบาลเข้ามาช่วยธุรกิจค้าปลีกและท่องเที่ยวในสิงคโปร์อะไรได้บ้าง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us