Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 สิงหาคม 2548
ปูนกลางปรับแผนเพิ่มส่งออก             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ปูนซีเมนต์นครหลวง, บมจ.
Cement




อสังหาฯชะลอตัว เมกะโปรเจกต์เลื่อน ต้นทุนผลิตพุ่ง ปูนกลางระบุตลาดปูนหดตัวเหลือ 10% จากเดิมประมาณการ 12% พุ่ง เป้าเพิ่มสัดส่วนส่งออกจาก 30% เป็น 35% แจงครึ่งปีแรกกำไรสุทธิ 2,372 ล้านบาทจากยอดขาย 11,384 ล้าน บาท เติบโต 14% คาดปี 49 ตลาด รวมโต 8-10% หวังตลาดอสังหาฯ กลาง-ล่าง เมกะโปรเจกต์ช่วยดันยอดตลาดรวม

นายลีโอ มิทเทล โฮลเซอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์ นครหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้จากการขายปูนซีเมนต์รวม 11,384 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจาก ช่วงเดียวกันของปี 2547 ที่มียอดขาย 9,990 ล้านบาท ประมาณ 14% โดยมีกำไรสุทธิ 2,372 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิ 2,151 ล้านบาท คิดเป็น 10.3%

อย่างไรก็ตาม กำไรต่อดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ และ ค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ของบริษัทในครึ่งปีแรกของ ปี 48 มีอัตราสูงขึ้น 3,748 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับปีที่แล้วถือว่ามีอัตราการเพิ่มสูงขึ้นกว่าเล็กน้อย โดย ในปี 47 บริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 3,740 ล้านบาท ทั้งนี้ การที่ในปีนี้บริษัทมี EBITDA เพิ่มสูงขึ้นจาก ปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงานที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นคิดเป็น 56% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด ซึ่งต้นทุนด้านพลังงานดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นแบ่งออกเป็น ต้นทุนค่าเชื้อเพลิง 32% และค่าไฟฟ้า 24%

สำหรับต้นทุนการผลิตด้านวัตถุดิบและค่าขนส่งรวมถึงค่าพลังงานทั้งหมด เมื่อคิดเฉลี่ยรวมแล้วส่งผลให้ต้นทุนรวมในการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 15% ในขณะเดียวกัน การแข่งขันในตลาดทำให้ บริษัทไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาภาครัฐฯยังขอความ ร่วมมือให้ตรึงราคาขายไว้ในระดับเดิมเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อตลาดก่อสร้าง โดยรัฐบาลขอให้มีการตรึงราคาไว้ 3 เดือน นับตั้งแต่เดือน มิ.ย.-สิ้นเดือน ส.ค. นี้ ทำให้ในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทไม่ปรับขึ้นราคา ขายสินค้าหน้าโรงงาน ส่วนสินค้าที่ต้องขนส่งบริษัทก็มีการปรับขึ้นราคาตามต้นทุนค่าขนส่งจริงที่มีการปรับขึ้นไป อย่างไรก็ตาม หลังสิ้น ก.ย.นี้บริษัทคาด ว่าจะเสนอเรื่องขอปรับราคาขึ้นต่อกรมการค้าภายใน ตามต้นทุนที่มีการปรับขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรอดูสถานการณ์ตลาดและการแข่งขันด้วย

นายลีโอ มิทเทล กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้ว่า อัตราการขยายตัวของยอดขายจะเติบโตขึ้นจากปี 47 ถึง 10% แต่ก็ยังต่ำกว่าการประมาณการที่บริษัทวางไว้ โดยบริษัทประมาณการว่าในช่วงครึ่งปีแรกบริษัท จะมีอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 12% แต่ เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับขึ้นราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ทำให้เกิดการชะลอตัวของกำลังซื้อในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะตลาดบ้านราคาแพงมีการชะลอตัวลง

นอกจากนี้ การชะลอการก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกต์ของภาครัฐบาล ทำให้มีการใช้ ปูนซีเมนต์ลดลง ทำให้การขยายตัวของยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกจึงไม่เป็นไปตามคาดการณ์ไว้

ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2548 นี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มการส่งออกให้มากขึ้นเพื่อให้เกิดการต่อ-เนื่อง และเพื่อเป็นการรักษาอัตราการขยายตัวของบริษัทไว้ให้ได้ที่ 10% ซึ่งในปี 2547 บริษัทมีสัดส่วน การขายในประเทศ 70% และตลาดส่งออก 30%

สำหรับในปี 48 นี้บริษัทมีการเพิ่มยอดส่งออก เป็น 35% และยอดขายในประเทศ 65% โดยในช่วง 6 เดือนแรกบริษัทมียอดขายรวม 6.4 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดขายในประเทศ 4.1 ล้านตัน และยอดขายในต่างประเทศ 2.3 ล้านตัน โดยมียอดส่งออกเพิ่มขึ้นประมาณ 64% ในตลาดตะวันออกกลาง

ปัจจุบันความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศ มีปริมาณรวม 28 ล้านตัน และมียอดการส่งออกตลาดรวม 12 ล้านตันต่อปี ในขณะที่บริษัทมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 14.3 ล้านตันต่อปี โดยคาดว่ามียอด ขายทั้งปีรวมประมาณ 7.7 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดขายส่งออกประมาณ 3.2 ล้านตันต่อปี และยอดขายในประเทศ 4.4 ล้านตันขึ้นไป ทำให้ในปัจจุบันบริษัทยังมีกำลังการผลิตเหลืออยู่จึงไม่จำเป็นต้องมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม

สำหรับยอดขายปูนซีเมนต์ผสมเสร็จนั้น ในปี 48 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวมประมาณ 15-20 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งแรกของปีบริษัทมียอดขาย10 ล้านบาท แต่เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นช่วงฤดูฝนประกอบการกับชะลอตัวในตลาดอสังหาฯทำให้คาดว่าอัตราการใช้ปูนซิเมนต์ผสมเสร็จ และการก่อโครงการต่างๆ จะลดลง ทำให้เชื่อว่าใน 6 เดือนหลัง จะมียอดขายอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งก็ถือว่ายอดขายเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ คือ 15 ล้านบาท

ส่วนในปี 2549 นั้น บริษัทคาดว่าจีดีพีของประเทศจะมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 4% ทำให้สามารถ ประมาณอัตราการขยายตัวของการใช้ปูนซีเมนต์ในตลาดรวมจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 8-10% ซึ่งในส่วนของบริษัทคาดว่าจะมีอัตราอยู่ที่ประมาณ 8-10% เช่นเดียวกับอัตราการขยายตัวของตลาดรวม ทั้งนี้ แม้ว่าการขยายตัวของบ้านราคาแพงจะลดลงแต่ ตลาดบ้านระดับกลาง-ล่างยังมีการขยายตัวอยู่ ประกอบกับโครงการเมกะโปรเจกต์ที่มีความต้องการ ใช้ปูนซีเมนต์ยังมีอยู่อีกกว่า 60% ทำให้เชื่อว่าอัตราการขยายตัวของการใช้ปูนซีเมนต์จะช่วยให้บริษัทมียอดขายเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 8%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us