การรุกคืบครั้งใหม่และตรงเป้าหมายที่สุดของ
กลุ่มบริษัทจาร์ดีน เมทเธอสัน คือการพยายามเป็นผู้นำ
และสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับทุกตลาด
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กลุ่มจาร์ดีน เมทเธอสัน (Jardine Matheson Group) บริษัทเทรดดิ้งแห่งฮ่องกงหนึ่งในบริษัทที่ยังคงหลงเหลืออยู่
ภายหลังอังกฤษคืนเกาะให้กับจีนแผ่นดินใหญ่ ได้ประกาศกำหนดยุทธศาสตร์ของการกระจายธุรกิจเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เริ่มต้นด้วยการใช้เงินสดจำนวน 232 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 404.7 ล้านเหรียญสิงคโปร์ในการเข้าซื้อหุ้นในธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์
ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ และธุรกิจพัฒนาอสังหา ริมทรัพย์ที่มีฐานในสิงคโปร์ Cycle
& Carriage
Jardine Strategic Holding หนึ่งในบริษัทสองแห่งที่บริหารงานโดยครอบครัว
Keswick ซึ่งในอดีตช่วงต้นศตวรรษที่ 18 เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงด้านค้าขายฝิ่นพร้อม
กับการบริหารท่าเทียบเรือแห่งแคนตันและฮ่องกง และกลยุทธ์การเข้าลงทุนในธุรกิจอื่นถือเป็นเรื่องปกติ
และในอนาคตพวกเขาต้องใช้เงินอีก 242 ล้านเหรียญสิงคโปร์เพื่อแลกกับการถือหุ้นของ
Cycle & Carriage อีก 21% เมื่อรวมกับอดีตจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 50.2%
นอกจากนี้ยังต้องใช้เงินสดอีก 162.7 ล้านเหรียญสิงคโปร์เพื่อแลกกับการถือหุ้นจำนวน
40.29% ใน CML Land บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในมาเลเซียที่ซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของ
Cycle & Carriage โดย Jardine Strategic ซื้อหุ้นต่อจากผู้ถือหุ้นเดิม
Edaran Ootomobil Nasional (EON)
"พวกเราหวังว่าดีลนี้จะประสบความสำเร็จจากการสนับสนุนของผู้ถือหุ้น ใน
EON" Neil McNamara โฆษกของ Jardine Strategic กล่าว ซึ่งเขามั่นใจว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ของ
EON ทั้ง 3 แห่งทั้ง DRB-Hicom, Kualapura และ Rin Kei Mei จะให้การสนับสนุนสำหรับการขายหุ้นครั้งนี้
"มันเป็นช่วงเวลาที่ดีทางด้านการลงทุน" Saleh Sulong ประธาน EON ชี้ "แต่สำหรับพวกเราไม่ใช่ช่วงแห่งการหาผลกำไรดังนั้นถึงเวลาแล้วที่ต้องถอย"
Cycle & Carriage คือ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
และยังขยายการดำเนินธุรกิจไปยังออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ นอกจากนี้ยังถือหุ้น
31.2% ใน PT Astra International ยักษ์ใหญ่ด้านชิ้นส่วนยานยนต์ในอินโดนีเซีย
อีกทั้งบริษัทดังกล่าวและ CML Land ยังมีกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์
มาเลเซียและอินโดนีเซียอีกด้วย
กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในลักษณ์ดังกล่าวของกลุ่มจาร์ดีน เมทเธอสัน ประสบความสำเร็จนับตั้งแต่การผ่อนคลายกฎระเบียบทางการเมืองและเศรษฐกิจฮ่องกงช่วงทศวรรษที่
1990 นโยบายนี้เริ่มจากการขยายตัวไปยังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะตัวแทนจำหน่ายและธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ตระกูล Keswick ดำเนินงานและควบคุมกิจการผ่านบริษัทสองแห่ง ได้แก่ Jardine
Strategic และ Jardine Matheson Holdings จดทะเบียนในตลาดหุ้นลอนดอนและสิงคโปร์โดยมีธุรกิจหลักอยู่ที่อสังหาริมทรัพย์
ตัวแทนจำหน่าย และโรงแรม
กลุ่มบริษัทจาร์ดีนก่อตั้งขึ้นในแคนตัน ปี 1832 โดย Scott William Jardine
และ James Matherson และหลังจากบริษัท East India ล้มเหลวจากการผูกขาดการค้าขายกับจีน
Matherson จึงเริ่มต้นการส่งชาไปจำหน่ายยังอังกฤษใน ปี 1834 อีก 2 ปีถัดมาได้จัดตั้งบริษัทขึ้นในเกาะฮ่องกง
ปัจจุบันกลายเป็นกลุ่มธุรกิจรายใหญ่ทางด้านอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจรายย่อย
ฟาสต์ฟูดส์ ร้านสะดวกซื้อ ดีลเลอร์ โรงแรม ธนาคารและสถาบันการเงิน หรือชิปปิ้ง
ที่สำคัญยังมีกิจการมากมายในจีนแผ่นดินใหญ่และทั่วเอเชีย