เมื่อกลางเดือนเมษายน ที่ผ่านมาได้มีคำสั่งจากคณะรัฐมนตรีมีมติตาม ที่ กระทรวงการคลังเสนอให้
สิริวัฒน์ พรหมบุรี พ้นจากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ และให้ไปดำรงตำแหน่ง ที่ปรึกษา
ด้านพัฒนาองค์กร ส่วนศักดาณรงค์ พ้นจากตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการไปดำรงตำแหน่ง
ที่ปรึกษาธนาคาร ซึ่งทั้ง 2 ตำแหน่งนี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นตำแหน่ง เฉพาะกิจ
ที่ไม่เคยมีมาก่อนใน ธอส. สงครามแย่งชิงความเป็นเบอร์ 1 ในธอส. ระหว่ างคน
2 คนนี้ได้เปิดฉากชัดเจนมาตั้งแต่เมื่อครั้งสิทธิชัย ตันพิพัฒน์ อดีตกรรมการผู้จัดการ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์คนหนึ่งได้เสียชีวิตลงเมื่อปี 2539
ในเวลานั้น มีลูกหม้อเก่าแก่ 4 คนที่มีความสามารถ และศักดิ์ศรีโดดเด่น สูสี
กันคือ สิริวัฒน์ พรหมบุรี ศักดาณรงค์ ประดับ ธัญญคุปต์ และกรองสินจน์ กนิษฐสุต
แต่ในที่สุดประดับ ซึ่งมีอายุงานเหลืออยู่เพียง 1 ปี ก่อนเกษียณ ได้ถูกส่งขึ้นไปนั่งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ
ขัดตาทัพไว้ก่อนชั่วคราว พร้อมๆ กับใบปลิวเถื่อนแฉพฤติกรรม ที่ไม่ถูกต้องในเรื่องทุจริตต่างๆ
ของสิริวัฒน์ และศักดาก็ได้เกิดขึ้นในองค์กรเอง และตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่า
เป็นระยะบาดแผลของคนทั้งคู่ได้ถูกเปิดออกมาให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมรับรู้
มาตลอดจนกระทั่งหมดสมัยของประดับ และสิริวัฒน์แหกโค้งเข้าวินไปนั่งตำแหน่งแล้วก็ดูเหมือนว่าศึกครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด
สิริวัฒน์ นั่งในตำแหน่งนี้ท่ามกลางปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจัดการเรื่องหนี้เสียก้อนโตของแบงก์เอง
รวมทั้งการหากลยุทธ์แข่งขันกับธนาคารพาณิชย์อื่นๆ และยังมีเรื่องราวของข้อร้องเรียนมากมาย
ที่ถูกส่งไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ป. ในประเด็น ที่ว่าเขามีส่วนสำคัญ ที่ทำให้แบงก์เสียหายด้วยการนำบริษัท
ที่เขาเป็นหุ้นส่วนมาเกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้ารายย่อย โดยที่ลูกค้าบางรายไม่น่าจะมีสิทธิ์ได้รับเงินกู้
เช่น ในโครงการคริสตัลสแควร์โครงการแม่รำพึงแลนด์
ส่วนศักดา ก็มีเรื่องราวอยู่ ที่คณะกรรมการสอบสวนคดีเศรษฐกิจ ในเรื่องการปล่อยเงินกู้เกินหลักทรัพย์ค้ำประกัน
แน่นอนต่างคนต่างปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริงแต่เป็นการใส่ร้ายให้กัน พร้อมอ้างว่ามีหลักฐานชี้แจงชัดเจน
ด้วยความอาวุโสทำให้ทั้งคู่ต่างมีพรรคพวกแบ่งก๊กแบ่งเหล่ากันในองค์กร การทำงานบางอย่างทำให้ไม่สามารถประสานกันได้ราบรื่น
ในขณะเดียวกันบทบาทของธนาคารอ าคาร สงเคราะห์เองในวันนี้ก็จำเป็นจะต้องขึ้นมา
เป็นธนาคารชั้นนำเป็นที่พึ่งของคนส่วนใหญ่ให้ได้ และนี่คือ ประเด็นใหญ่ ที่
กระทรวงการคลังได้มองเห็นปัญหามานาน
คำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าว และไปแขวน ไว้ ที่ตำแหน่ง ที่ปรึกษา อาจจะทำให้การทำงานของ
พ.ต.ประหยัด กาลวงศ์ ณ อยุธยา ผู้รักษาการ แทนตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ
และเป็นประธานคณะกรรมการอุทธรณ์ และรับเรื่องราวร้องทุกข์สอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องของสิริวัฒน์
และ ศักดาทำได้ง่ายขึ้น
ส่วนสมศักดิ์ อัศวโภคี รองกรรมการอีกคนหนึ่ง ที่มีมติจากบอร์ดของ ธอส. ให้รักษาตำแหน่งกรรมการ
ผู้จัดการจนกว่าจะแต่งตั้งกรรมการผู้จัด การคนใหม่ เขาเป็น ลูกหม้ออีกคนของธอส.
ปัจจุบันเขาอายุ 48 ปี จบจากคณะพาณิชยศาสตร์การบัญชี ธรรมศาสตร์ และปริญญาโททางด้านการบริหารจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก
สหรัฐอเมริกาได้รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ เมื่อปี 2541 และ ดูแลงานทางด้านฝ่ายสินเชื่อภูมิภาคเป็นหลัก
เป็นผู้บริหารคนหนึ่ง ที่ค่อนข้างเก็บตัว ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันมากนัก
ถึงวันนี้แม้จะรั้งตำแหน่งรักษาการแทนเพียงชั่วคราว แต่กำลังอยู่ในความสนใจเป็นอย่างมาก
และแน่นอน เขารู้ดีว่า การอยู่ในตำแหน่งเบอร์ 1 ใน ธอส. นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
เลย "ปัญหาคนของใคร" ทำให้เกิดศึกครั้งใหม่ในธอส. ได้ไม่ยากเลย