Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กันยายน 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ กันยายน 2545
เสือกำลังตื่น?             
โดย ฐิติเมธ โภคชัย
 

   
related stories

ผลประกอบการกองทุนตราสารทุน
สูงสุด-ต่ำสุดของกองทุนตราสารทุน

   
search resources

Funds




กับวิกฤติแห่งความน่าเชื่อถือของบรรษัทอเมริกัน ที่สร้างความเจ็บปวดให้กับตลาด ไม่แปลกใจที่นักลงทุน เริ่มแสวงหาความมั่งคั่งกับตลาดหุ้นภายในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะบรรดากองทุนรวมที่เริ่มมีความสุขกับ ตัวเลขผลประกอบการ

แทบไม่น่าเชื่อว่าประเทศเสือเศรษฐกิจที่เพิ่งสร้างความอัปยศอดสูอย่างไทย อินโดนีเซีย รวมถึงยักษ์ใหญ่อย่างญี่ปุ่นและอินเดียจะเป็นตลาดที่สร้างผลตอบแทนด้านการลงทุน ในระดับที่น่าพอใจให้กับบรรดากองทุนตราสารทุนหรือกองทุนหุ้น

"ปัจจุบันตลาดหุ้นเอเชียมีมูลค่า ดีกว่าตลาดในอเมริกาและยุโรป" Kes Visuvalingam ผู้ดูแลการลงทุนในตลาดทุนประจำสิงคโปร์แห่ง First State Investments กล่าว โดยบริษัทนี้มีผู้จัดการ กองทุนกระจายอยู่ทั่วโลก แต่ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาพวกเขาสามารถสร้างรายได้ดีเกินคาดในตลาดทุนของภูมิภาคเอเชีย

"หลายๆ บริษัทมีราคาต่ำต่อเมื่อเทียบกับรายได้ หรือราคาต่อมูลค่าทางบัญชี" เขากล่าว

ผลการรวบรวมข้อมูลของ Lipper Asia พบว่า กองทุนรวมที่ลงทุนในตลาดทุนเอเชียให้ความสำคัญและเน้นกลยุทธ์การลงทุน ไปยังหุ้นที่มีสินทรัพย์ขนาดเล็กไปถึงกลางและผู้จัดการกองทุนมักจะเน้นถือยาว และระมัดระวังช่วงตลาดกำลังทะยานขึ้น

ผู้จัดการกองทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในเอเชียบอกว่าภูมิภาคแห่งนี้มีความ อ่อนแอเพียงเล็กน้อยกับความไม่สม่ำเสมอทางบัญชี เมื่อเทียบกับอเมริกาที่ความไว้วางใจเริ่มถูกกัดกร่อนลงไปเรื่อยๆ รวมถึงผู้จัดการกองทุนระดับอาวุโสขึ้นไปในเอเชียไม่มีสิทธิ์ซื้อหุ้นในบริษัทที่เข้าลงทุนหรือโบนัส

"ตลาดหุ้นอเมริกาอยู่ในภาวะกระทิงอันแข็งแกร่งมานานกว่า 10 ปีแล้ว และเป็นช่วงเวลาสำหรับการจ่ายค่าตอบ แทนให้กับผู้บริหารอาวุโสที่ทำผลงานได้สวยหรู" Robert Conlon ผู้จัดการกองทุนแห่ง Investec Asset Management Asia ในฮ่องกงบอก "นั่นเป็นแรงจูงใจให้พวกเขากระตือรือร้นสร้างผลกำไร"

หนังสือพิมพ์เดอะ วอลล์สตรีท เจอร์นัล (The Wall Street Journal) รายงานว่า ผลประกอบการของกองทุนรวมตราสารทุนในอินโดนีเซียในไตรมาสสองของปีนี้ขยับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย 21% และ 74% ในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน 2544-45

ด้านกองทุนหุ้นที่ลงทุนในตลาดอื่นๆ เฉลี่ยสร้างผลตอบแทนด้วยอัตราเติบโตช้าเมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกัน โดยในประเทศไทยให้ผลตอบแทนประจำไตรมาสเฉลี่ย 11%, ญี่ปุ่น 6.6% และอินโดนีเซียอยู่ที่ระดับ 21% ขณะที่การลงทุนในตลาดอื่นๆ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันผลตอบแทนดิ่งหัวลงทั้งสิ้น โดยเฉพาะกองทุนหุ้นแถบละตินอเมริกาผลงาน ย่ำแย่ที่สุดตกลงเฉลี่ยถึง 22% ตามด้วยฟิลิปปินส์ 17% ไต้หวัน 16% ส่วนใน อเมริกาผลตอบแทนหดตัวเฉลี่ย 13%

หากพิจารณาถึงกองทุนหุ้นที่สร้างผลงานได้ดีระดับหัวแถบ คือ Aberdeen Select Indonesia Equity Fund บริหารงานโดยกองทุนรวม Aberdeen Asset Management Asia โดยไตรมาสสองประกาศผลตอบแทนสูงถึง 35% และ 87% ในระหว่าง 6 เดือนแรกของปี

Devan Kaloo หนึ่งในทีมผู้บริหาร กองทุนรวมดังกล่าวเล่าถึงความสำเร็จของการทำงานว่า ทีมงานพยายามคัดสรรบริษัทที่จะเข้าลงทุนต้องมีผลงานในอดีตและมูลค่าสินทรัพย์ที่ดีและน่าเชื่อถือ "บริษัทที่ว่าคือหัวใจแห่งกระบวนการการลงทุนของพวกเรา หลังจากนั้นผู้จัดการกองทุนต้องติดตามการดำเนินธุรกิจและพูดคุยกับผู้บริหารบริษัทอย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี"

นอกจากนี้ส่วนประกอบอื่นที่สร้างความสำเร็จให้กับ Aberdeen Select Indonesia Equity คือการมีวินัยด้านการขาย "มันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อหุ้นที่คุณถืออยู่" Kaloo บอก โดยประมาณ 64% ลงทุนในหุ้นกลุ่ม consumer & retail "เป็นหุ้นที่มีการจัดการที่ดีและมีราคาไม่สูงมากนัก"

แน่นอนสิ่งที่ช่วยผลักดันให้ตัวเลขผลตอบแทนออกมาสวยหรู หนีไม่พ้นความแข็งแกร่งของการบริโภคภายในอินโดนีเซีย โดยตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคไตรมาสแรกของปีเพิ่มสูงขึ้น 9.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า เช่นเดียวกับในประเทศอื่นของภูมิภาคเดียวกันที่ความต้องการบริโภคเติบโตขึ้น จากการลดลงของอัตราดอกเบี้ยและความง่ายของการปล่อยสินเชื่อรายย่อย

อย่างไรก็ตาม Kaloo ยังพยายามอธิบายถึงสาเหตุที่ประสบความสำเร็จ แท้ที่จริงเกิดจากมูลค่าสินทรัพย์ของบริษัทที่เข้าลงทุนอยู่ในระดับที่ต่ำมาก "เป็นตัวขับเคลื่อนที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ซึ่งหุ้นในตลาดอินโดนีเซียล้วนแล้วแต่มีราคาถูก และปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่เช่นนั้นและพวกเรายังคงมองตลาดในแง่บวก"

ส่วนกองทุนรวมข้ามชาติที่สร้างผลตอบแทนอันดับรองลงมา คือ India-invested Reliance Vision Fund บริหารงานโดย Reliance Asset Management โดยไตรมาสสองที่ผ่านมาทำตัวเลขผลตอบแทนในระดับ 35% ถือเป็นกองทุนรวมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอินเดียในช่วงระยะเวลาดังกล่าว

K.Rajagopal หัวหน้าแผนกการลงทุนของ Reliance Asset Management ที่มีฐานการลงทุนในกรุงบอมเบย์กล่าวว่า นโยบายการทำงานจะมุ่งเน้นไปยังบริษัท ที่สามารถสร้างมูลค่าได้ดี "และเมื่อไรที่หาบริษัทคุณสมบัติแบบนี้ไม่ได้เราไม่กลัวเพราะจะถือเงินสดแทน และทุกวันนี้ประมาณ 21% เป็นการลงทุนในเงินสด"

การบริหารกองทุนดังกล่าวมักจะให้น้ำหนักไปยังหุ้นกลุ่มที่กำลังปรับฐานและมีแนวโน้มมูลค่าที่ดี โดย 18% ลงทุนให้หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ, 11% ลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีสารสนเทศ และอีก 9% อยู่ในหุ้นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และวิศวกรรม

"ตลาดของอินเดียมีขนาดใหญ่มาก ซึ่งเป็นตัวสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงระดับความสะดวกสบายของนักลงทุนต่างชาติ และบรรยากาศของอัตราดอกเบี้ยที่น่าสนใจ" Rajagopal ชี้ "แต่ความท้าทายท่ามกลาง ความเติบใหญ่ คือ การพัฒนาของอุตสาหกรรมพื้นฐานภายในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคพลังงาน ที่สำคัญการพึ่งพิงการนำเข้าน้ำมันซึ่งมีผลต่อระดับราคาน้ำมันที่สูงขึ้น"

สำหรับในประเทศไทยกองทุนที่โดดเด่นที่สุด ได้แก่ Thai-invested Siam Fund บริหารโดย Credit Agricole Asset Management ในระหว่างไตรมาสที่สองของปีมีผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 28% และตลอดทั้งปีนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้วถึงเดือนเดียวกันของปีนี้ให้ผลตอบแทน 39%

Reginald Tan หัวหน้าฝ่ายวิจัยของกองทุนดังกล่าว กล่าวว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเมืองไทยเพิ่มขึ้นอย่างเข้มข้น ซึ่งช่วยให้พอร์ตการลงทุนแข็งแกร่งตามไปด้วย "เป็นเรื่องราวที่รับรู้กันดีในทุกวันนี้ว่าการบริโภคคือพลังขับเคลื่อนที่แท้จริงให้ไทยเติบโต"

โดยเป้าหมายกองทุนนี้มุ่งเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน อสังหา ริมทรัพย์ ก่อสร้าง สื่อสาร และพลังงาน โดยปัจจุบันเข้าถือหุ้น บง.ทิสโก้, บง.เกียรติ นาคิน, แอลพีเอ็น ดีเวลล็อปเม้นท์, แลนด์แอนด์เฮ้าส์ และเอเชียน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลล็อปเม้นท์

ในระหว่างที่ความน่าเชื่อถือฝั่งของบรรษัทในอเมริกากำลังอ่อนแอ จึงเป็นโอกาสที่ดีมากกว่าความน่ากลัวในสายตาของ Tan สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นไทย "คุณจะต้องไว้วางใจในบริษัทที่ตัวเองลงทุน และพวกเราเชื่อว่าสิ่งที่ไม่ดีกำลังถูกปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น"

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us