Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 สิงหาคม 2548
ไทยพาณิชย์คาดNAVทะลุ1แสนล้าน ตั้งเป้าขยับขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งในปีหน้า             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด

   
search resources

Stock Exchange
Funds
ไทยพาณิชย์, บลจ.




พอร์ตกองทุนรวมภายใต้การบริหารจัดการของบลจ.ไทยพาณิชย์ ขยับขึ้นเป็นเบอร์ 2 รองจากบลจ.กสิกรไทยทิ้งห่างบลจ.เอ็มเอฟซี และบลจ.กรุงไทย หลัง”โหมโรง”กองทุนพันธบัตรรัฐบาล ผ่านเครือข่ายสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ ดันNAV ขยับแตะ 8.4หมื่นล้านบาท “อดิศร”คาดปีนี้ทะลุ 1 แสนล้านบาทแน่ พร้อมประกาศปีหน้าขอผงาดเป็นเบอร์หนึ่งธุรกิจกองทุนรวม

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า มูลค่าสินทรัพย์สุทธิกองทุนรวมภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท ณ วันที่ 29 กรกฎาคม 2548 มีมูลค่า 84,568.89 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาด 13..87% ซึ่งถือว่าพอร์ตกองทุนรวมสูงสุดเป็นอันดับสองของธุรกิจกองทุนรวม หากไม่นับรวมกองทุนรวมวายุภักษ์ที่มีบลจ.กรุงไทย และบลจ.เอ็มเอฟซี เป็นผู้บริหาร และคาดว่าในช่วงสิ้นปีนี้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการจะเพิ่มเป็น 1 แสนล้านบาทตามเป้าที่ตั้งไว้ก่อนหน้า

สำหรับปัจจัยหลักที่ทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารจัดการของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เนื่องจากบริษัทสามารถออกกองทุนได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และที่สำคัญทีมขายของธนาคารไทยพาณิชย์มีประสิทธิภาพมาก โดยปัจจุบันมีพนักงานสาขาธนาคารไทยพาณิชย์กว่า 1.5 พันคน ที่ได้รับใบอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

“พนักงานธนาคารกับลูกค้ามีความสัมพันธ์กันมาก ช่องทางการขายกองทุนของเราเกือบ 100% จึงมาจากธนาคารไทยพาณิชย์” นายอดิศรกล่าว

นายอดิศร กล่าวว่า ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีแรกตลาดหุ้นมีความผันผวน ส่งผลให้กองทุนตราสารหนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการออกกองทุนตราสารหนี้ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้เอกชนและพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งทำให้มูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการปรับตัวเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก โดยในสิ้นปี 2547 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 42,000 ล้านบาท ก่อนที่จะขยับเพิ่มเป็น 80,000 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก

ส่วนแนวโน้มผลตอบแทนกองทุนหุ้นของบริษัทในครึ่งปีแรกต้องยอมรับว่าปรับตัวลดลงตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในครึ่งปีหลังบริษัทมีนโยบายปรับกลยุทธ์การลงทุนใหม่ โดยจะหันมาใช้กลยุทธ์การบริหารพอร์ตเชิงรุกมากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงให้กับนักลงทุน ซึ่งขณะนี้ผู้จัดการกองทุนอยู่ระหว่างการคัดหุ้นที่มีคุณภาพ และให้ผลตอบแทนสูง แต่ระดับราคาอยู่ในระดับต่ำ

นายอดิศร กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของปีนี้ว่า บริษัทยังคงให้น้ำหนักกับการออกกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพื่อตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้าเงินฝาก ที่มองหาผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก แต่มีความเสี่ยงในระดับต่ำ โดยบริษัทเตรียมออกกองทุนพันธบัตรรัฐบาลเฉลี่ยเดือนละ 1 กองทุน มูลค่าโครงการประมาณ 3-5 พันล้านบาท ส่วนกองทุนหุ้นที่เตรียมออกอีกกองในช่วงเดือนกันยายน จะเป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (MAI) มูลค่าโครงการประมาณ 5 พันล้านบาท

นายอดิศร กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้บริษัทตัดสินใจออกกองทุน LTF เข้าลงทุนในตลาด MAI เนื่องจากประเมินว่าหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดใหม่บางตัวเป็นหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนสูง ส่วนปัญหาเรื่องสภาพคล่องไม่น่าจะเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากกองทุนที่จัดตั้งขึ้นเป็นการลงทุนระยะยาว ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการขายคืนหน่วยลงทุน และที่สำคัญบริษัทเน้นลงทุนระยะยาวมากกว่า ซึ่งถือว่ามีความสอดคล้องกับนโยบายการลงทุน

กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวอีกว่า ในปีหน้าเราตั้งเป้าที่จะเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจจัดการกองทุนรวมให้ได้ เนื่องจากเครือข่ายธนาคารไทยพาณิชย์ที่เป็นบริษัทแม่ ถือว่าเป็นเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันพนักงานขายที่มีประสิทธิภาพถือเป็นจุดขายที่สำคัญ โดยบริษัทมีนโยบายอบรมพนักงานให้มีความรู้เรื่องการวางแผนการลงทุน และมีความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของกองทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในครึ่งปีที่ผ่านมามีการฝึกอบรมให้กับพนักงานสาขาต่างๆประมาณ 50-60 ครั้ง ซึ่งเป็นที่มาที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จในการเสนอขายหน่วยลงทุนให้กับลูกค้า   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us