Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 สิงหาคม 2548
น้ำมันพ่นพิษตลาดหุ้นไทยหมดเสน่ห ์"อเบอร์ดีน" พุ่งเป้าบุกอินเดีย-สิงคโปร์             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน จำกัด

   
search resources

อเบอร์ดีน, บลจ.
Stock Exchange
Oil and gas




ตลาดหุ้นไทยหมดเสน่ห์หลังราคา น้ำมันทะยาน อเบอร์ดีนเตรียมลุยตลาดหุ้นอินเดีย-สิงคโปร์ เนื่องจากมีศักยภาพการทำกำไรในอนาคต หวังกระจายความเสี่ยง ล่าสุดเตรียมเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนเปิด "อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิก เอค-ควิตี้ ฟันด์" มูลค่า 420 ล้านบาท ลุยตลาดหุ้นเอเชีย ส่วนตั๋วบี/อี ปิคนิคเจ้าปัญหา ยันตีมูลค่าเป็นศูนย์เรียบร้อย ไม่มีนโยบายแปลงหนี้เป็นทุน

นายปีเตอร์ เอมส์ ผู้อำนวยการด้านการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน จำกัด ประจำประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า กองทุนอเบอร์ดีนประเมินว่าในระยะยาวตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียถือว่าน่าสนใจมาก เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ เนื่องจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจไม่ต้องพึ่งพาการลงทุนจากภูมิภาคอื่นมากนัก และมีอัตราการเติบโตที่เร็วกว่า

ขณะเดียวกัน ปัจจัยพื้นฐานด้านต่างๆ ถือว่าอยู่ ในเกณฑ์ดี และในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจดทะเบียนได้มีการปรับตัวในเรื่องของต้นทุน ขณะที่ผู้บริหารก็ให้ความสนใจผู้ถือหุ้นรายย่อยมากขึ้น รวมทั้งมีการซื้อหุ้นกลับคืน และเริ่มให้ความสำคัญกับการจ่ายปันผลมากขึ้น นอกจากนี้ ระดับราคาซื้อขายหุ้นยังถือว่าถูกกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆด้วย

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงของตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้ คือปัญหาราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นซึ่งส่งผลต่อเนื่องถึงการลงทุนที่ชะลอตัวลง

สำหรับตลาดหุ้นที่ กองทุนอเบอร์ดีนให้น้ำหนัก การลงทุนมากที่สุดคือประเทศอินเดีย และประเทศสิงคโปร์ เนื่องจากทั้งสองประเทศนั้น โดยเฉพาะอินเดียมีอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศค่อนข้างสูงประกอบกับการมีบริษัทที่มีคุณภาพ และยังมีศักยภาพในการดำเนินงานสูงในหลายอุตสาห-กรรม โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์และไอที

ส่วนประเทศสิงคโปร์นั้นความน่าสนใจอยู่ที่การ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังได้ รับผลกระทบวิกฤตเศรษฐกิจ ประกอบกับการดำเนินงานของบริษัทที่มีความโปร่งใสมีความสามารถ ในการจ่ายปันผลได้ดีขึ้น และราคาซื้อขายหุ้นก็ไม่แพง

สำหรับการปรับค่าเงินหยวนของจีนนั้น นายปีเตอร์ กล่าวว่า ส่งผลดีทั้งในแง่การเมืองและมีความคล่องตัวมากขึ้นในแง่การเงินในประเทศ แต่ต้องติดตามดูต่อไปว่าจะส่งผลให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นแค่ไหน เนื่องจากจะส่งผลกระทบถึงผู้ประกอบการในประเทศด้วย อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าปัจจัยดังกล่าวไม่ใช่ปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงมากในขณะนี้

นายณสุ จันทร์สม ผู้จัดการกองทุน บลจ. อเบอร์ดีน กล่าวว่า จากผลพวงของราคาน้ำมันที่ปรับ ตัวสูงขึ้นส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยชะลอตัวลง ทำให้บลจ.อเบอร์ดีนไม่ได้ตั้งเป้าดัชนีสิ้นปีว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้ในระดับไหน ซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม สำหรับตลาดหุ้นในประเทศไทยยังมองว่าหุ้นในกลุ่มหลักทรัพย์ และพลังงานน่าสนใจมากที่สุด เนื่องจากมีการบริหารที่ดี ประกอบกับมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่อง

ล่าสุดบลจ.อเบอร์ดีนได้เปิดตัวกองทุนเปิด อเบอร์ดีน เอเชีย แปซิฟิก เอคควิตี้ ฟันด์ มูลค่า 420 ล้านบาทซึ่งเป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) กองแรกของบริษัท

โดยนายโรเบิร์ต เพนาโลซ่า รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.อเบอร์ดีน กล่าวว่า กองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนที่จะเข้าไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตราสารทุน Aberdeen Pacific Equity Fund ที่จัดตั้งในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกองทุนที่มีการกระจายการลงทุนในกลุ่มหลักทรัพย์ของเอเชีย แปซิฟิก ที่ครอบคลุม 12 ตลาด ประกอบด้วย จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ อินเดีย สิงคโปร์ ออสเตรเลีย ไต้หวัน ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และศรีลังกา โดยจะเปิดขายหน่วยลงทุนระหว่างวันที่ 10-31 สิงหาคมนี้

ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวมีจุดเด่นที่เป็นการลง ทุนทั้งในหน่วยลงทุนและหุ้นสามัญที่มีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงและแข็งแกร่ง รวมทั้งมีศักยภาพในการให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งผลตอบแทนของกองทุนเฉลี่ยต่อปีตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 12.8% เมื่อเทียบกับผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของเกณฑ์มาตรฐานที่ 7.6% โดยปัจจุบันกองทุน Aberdeen Pacific Equity Fund มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 127.3 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 5,200 ล้านบาท

นายโรเบิร์ต กล่าวถึงกรณีที่กองทุนได้ไปลงทุน ในตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตั๋ว B/E ของ บมจ.ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น(PICNI) ว่า บลจ.อเบอร์ดีนมีสัดส่วนการลงทุนในตั๋ว B/E ของ PICNI เพียง 2.3% หรือประมาณ 50 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับผู้ลงทุนรายอื่นๆ โดยในส่วนของกองทุนที่กำลังจะหมดอายุในเดือนพฤศจิกายนนั้น ขณะนี้บริษัทได้รีแวลูกองทุนดังกล่าวเป็นศูนย์แล้ว ซึ่งหาก PICNI มีการจ่ายหนี้คืนให้ก็จะทำให้มูลค่าหน่วยลงทุน (เอ็นเอวี) สูงขึ้น

ทั้งนี้ หาก PICNI จะจ่ายคืนหนี้ด้วยการแปลง หนี้เป็นทุนนั้น ตามกฎก.ล.ต.แล้วไม่สามารถทำได้ PICNI จะสามารถจ่ายคืนหนี้ในรูปของเงินสดได้เท่านั้น ไม่สามารถจะแปลงหนี้เป็นทุนได้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us