คมนาคมดันสุวรรณภูมิเป็นศูนย์กลางการขนส่งและกระจายสินค้าด้านอิเล็กทรอ-นิกส์พาร์ตในภูมิภาค ร่วมทุน อิโตชู กรุ๊ป ตั้ง New Logistics Center คาดเพิ่มมูลค่าการขนส่งทางอากาศอีก 2,000 ล้านบาทต่อปี สอดรับแผนตั้งเฟดเตอร์เสร็จ เม.ย. 49 เตรียมเสนอแผนขออนุมัติ สศช.-คลังและครม.เร็วๆ นี้

นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักพัฒนาโครงการลงทุนท่าอากาศยานสุวรรณ ภูมิ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วานนี้ (1 ส.ค.) นายอะคิรา โคดิรา ผู้บริหารบริษัท อิโตชู คอร์ปอเรชั่น และคณะได้เข้าพบนายวันชัย ศารทูลทัต ปลัดกระทรวงคมนาคมและในฐานะประธานคณะกรรมการบริษัทการ บินไทย หลังจากที่บอร์ดการบิน ไทยได้ให้ความเห็นชอบในหลักการร่วมทุนระหว่างการบินไทยและ อิโต- ชูกรุ๊ป ในการจัดตั้ง ศูนย์กระจายสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หรือ New Logistics Center ภายใน Custom free zone ของสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) รายใหญ่ของโลกและสนามบินสุวรรณ-ภูมิ เป็นศูนย์กลางในการขนส่งและกระจายสินค้าด้านอิเล็กทรอนิกส์พาร์ตในภูมิภาค

โดยขณะนี้การบินไทยและอิโตชู กรุ๊ป ได้ลงนามในเอ็มโอยูร่วมกันแล้ว และอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดเพื่อเสนอเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณ 9 เดือนและสามารถเปิดให้บริการได้พร้อมกับการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิในเดือนมิถุนายน 2549 แน่นอน

นายโชคชัยกล่าวว่า การบิน ไทยและ อิโตชู คอร์ปอเรชั่น จะถือหุ้นในบริษัท New Logistics Center สัดส่วนรายละ 35% เท่ากัน ที่เหลืออีก 30 % จะถือหุ้นโดย บริษัท ไอ โลจิสติกส์ และอิโตชู แมเนจเมนท์ ไทยแลนด์ ทุนจดทะเบียนบริษัทประมาณ 200 ล้านบาท แบ่งเป็นการ ลงทุนในสุวรรณภูมิรวม 700 ล้านบาท ในระยะเวลา 5-7 ปี โดยแบ่งเป็นแฟส แรก 300 ล้านบาท พื้นที่จัดเก็บในคลังสินค้าประมาณ 10,000 ตารางเมตร ที่เหลือจะลงทุนในเฟส 2 เพิ่มพื้นที่จัดเก็บในคลังสินค้าอีกเท่าตัว

สำหรับเป้าหมายในการร่วมทุนดังกล่าว นอกจากจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตฮาร์ดดิสก์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วยังจะเพิ่มมูลค่าการขนส่งทางอากาศได้อีกประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี ภายใต้เงื่อนไขจะต้องให้การบินไทยเป็นทางเลือกแรกในการขนส่ง ซึ่งการบินไทยจะจัดตั้งสายการบินขนส่งสินค้าทางอากาศ หรือแอร์คาร์โก้ แล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2549 โดยจะมีเครื่องบิน 2 ลำ มีระวางขนส่งประมาณ 80-90 ตัน และ New Logistics Center ดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนการผลิตฮาร์ดดิสก์ต่ำลงสามารถแข่งขันได้ และจะทำให้บริษัทต่างชาติหันมาลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยมากขึ้นจากปัจจุบันที่ไทยมีส่วนแบ่งด้านการตลาดประมาณ 40% จะเพิ่มเป็น 60-70% ได้

โดยในระหว่างนี้จะต้องประสาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ เช่น กรมศุลกากรเรื่องขั้นตอนการปฏิบัติงาน กรมสรรพากร เกี่ยวกับระบบภาษีกรณีบริษัทข้ามชาติเป็นผู้เก็บสินค้าไว้ในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับข้อกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งคลังสินค้า บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เกี่ยวกับข้อปฏิบัติในฐานะที่ทอท. เป็นผู้ดูแลในเขตปลอดภาษี และ สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กรณีการส่งเสริมให้กับบริษัท ข้ามชาติ