|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ฟันธง กรณีโอนเงิน 23 ล้านบาท ที่สำนักงาน ททท. ลอนดอน เป็นการปลอมแปลงเอกสาร เร่งส่งรายงานถึง สมศักดิ์ ให้สั่งการ ททท. ฟ้อง ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน ตั้งข้อสังเกต เล่นงาน ททท. เหตุหมกเรื่องถึง 2 เดือน ระบุเรื่อง แดงเพราะนักข่าวถาม โดยเจ้ากระทรวงฯไม่เคยรับรู้มาก่อน ถือเป็นความบกพร่อง ทั้งที่เป็นเรื่อง ที่มีความเสียหายกับประเทศชาติ เตรียมปรับระบบการโอนเงินในต่างประเทศใหม่ เรียกรองผู้ว่าฯททท.และอดีตผอ.ลอนดอนแจงข้อมูลด่วน
นายศักดิ์ทิพย์ ไกรฤกษ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีมีการโอนเงิน 23 ล้านบาท จากสำนักงาน การท่องเที่ยว กรุงลอนดอนไปยัง บริษัท เจ.เอ็น.ที. ที่ประเทศฮ่องกง โดยกล่าวว่า เป็นการประชุมเพื่อรับทราบข้อมูลของรายงานผลการเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ฝ่ายกฎหมาย ททท. ได้เดินทางไปตรวจสอบ โดยสรุปจาก หลักฐานมีความน่าจะเป็นของการโอนเงินครั้งนี้ ว่า เป็นการปลอมเอกสารสั่งจ่ายเงิน ไม่ใช่การทุจริตแน่นอน โดยจะต้องพิสูจน์หาหลักฐานต่อไปว่าใครเป็นผู้ปลอมเอกสารสั่งจ่ายเงินในครั้งนี้
" ผมจะเร่งทำหนังสือพร้อมแนบเอกสารข้อมูลการตรวจสอบและรายงานการประชุมนำเสนอต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยเร็วที่สุดเพื่อให้นายสมศักดิ์ เซ็นหนังสือสั่งการไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้รีบดำเนินการตามกฎหมายทันที เพื่อไม่ให้รัฐเสียประโยชน์ไปมากกว่านี้ ระบุททท.บกพร่อง หมกเรื่องร้ายแรงระดับชาติ
ทั้งนี้ ยังได้ตั้งข้อสังเกตในที่ประชุมด้วยว่า เรื่องความผิดพลาดของการโอนเงินครั้งนี้ ได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.48 แต่กลับมารายงานให้กับรัฐมนตรีรับทราบในวันที่ 18 ก.ค.48 ซึ่งเป็นระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ทั้งนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ มีความเสียหายโดยตรงต่อประเทศชาติ แต่กระทรวง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกลับไม่เคยรับทราบเรื่องนี้แต่แรก ซึ่งข้อสังเกตตรงนี้ก็จะระบุลงในรายงานการประชุมเสนอ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ด้วยเช่นกัน "
ท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ ซึ่งเป็นเจ้ากระทรวง ไม่ทราบเรื่องนี้เลย จนมีผู้สื่อข่าวที่ทราบเรื่องมาสอบถามรายละเอียด ท่านรัฐมนตรีจึงสอบถามข้อเท็จจริงไปยัง ททท. ซึ่ง ททท.จึงได้รวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและการดำเนินการแก้ไขมารายงานให้ทราบ ทั้งที่ความจริงเรื่องนี้ถือเป็นเรื่อง ใหญ่ เป็นความเสียหายกับประเทศและรัฐบาลเกิน กว่าที่ ททท.จะแก้ไขคนเดียวได้ ดังนั้น จึงมองได้ว่า เป็นความบกพร่องของ ททท. เพราะกระทรวงฯ คุม ททท. อยู่ แต่เรื่องเสียหายร้ายแรงต่อชาติเช่นนี้ เรากลับไม่รู้ และถ้านักข่าวไม่เข้ามาถาม เรื่องนี้จะเงียบไปเองหรือเปล่า
ล่าสุดทางธนาคารกรุงเทพ สำนักงาน ลอนดอน ที่ตอนแรกจะรับผิดชอบชดใช้เงินให้ แต่ก็เปลี่ยนมาตั้งที่ปรึกษาทางกฎหมาย ดำเนินการเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้น ข้อมูลที่เราตรวจสอบได้ ตรงนี้ ก็จะนำไปให้ที่ปรึกษาทางกฎหมายของ ททท. ที่สำนักงานลอนดอนด้วย เพื่อใช้ประกอบการฟ้องร้อง และดำเนินการตามกฎหมายกันต่อไป เรียกรองผู้ว่าฯตปท.ให้ข้อมูลเพิ่ม
อย่างไรก็ตาม หลักฐานที่ชี้ชัดว่า น่าจะเป็น การปลอมเอกสาร คือ ใบแฟกซ์ที่เป็นคำสั่งโอนเงินนั้น ลักษณะตัวหนังสือ ลายเซ็น และโลโก้ ของ ททท. ที่ผิดเพี้ยนไป และที่สำคัญ ลายเซ็นของ ผู้ช่วยสำนักงานฯ ซึ่งเป็นผู้ร่วมลงนามในแฟกซ์ ขณะนั้น คือในวันที่ 24 พ.ค. 48 เขาอยู่ประเทศไทย ที่กรุงเทพฯ
สำหรับขั้นตอนต่อไป คณะกรรมการตรวจสอบ จะส่งผู้แทนไปกรุงลอนดอน เพื่อสอบปากคำพนักงานที่สำนักงานทั้งหมดเพิ่มเติม ซึ่งมีอยู่ 5 คน ส่วนการฟ้องร้องก็จะปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายที่ลอนดอน
ขณะเดียวกัน เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการตรวจสอบอีกครั้งในวันจันทร์ ที่ 1 สิงหาคม 48 โดยครั้งนี้ จะเชิญ นางพรศิริ มโนหาญ รองผู้ว่าการ ททท. ฝ่ายตลาดต่างประเทศ และ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. กรุงลอนดอนคนก่อน ที่ไม่ใช่คนปัจจุบัน เพื่อมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งในส่วนของกระทรวงฯ และททท. จะต้องดำเนินการต่อ คือ การทบทวนขั้นตอนการเบิกจ่าย หรือ โอนเงิน ให้มีความรัดกุมมากขึ้น เพราะจากเหตุการณ์ที่เกิด ขึ้นนี้ มองว่าส่วนหนึ่งมาจากการหละหลวม และเคยชินในระบบโอนเงิน เพราะวิธีโอนเงินทางแฟกซ์ ทำกันมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่ไม่เคยมีวงเงินมากเท่าครั้งนี้มาก่อน ซึ่งเบื้องต้นที่จะแก้ไขก็เมื่อมีคำสั่งโอนเงินทางแฟกซ์ ให้ สำนักงาน ททท.ทุกแห่ง โทรศัพท์กำชับและแจ้งให้แบงก์ทราบในทันทีที่ส่งแฟกซ์ด้วย ขณะเดียวกัน แบงก์เมื่อได้รับแฟกซ์ก็ ต้องโทร.แจ้งรับคำยืนยันทันที ไม่ใช่ปล่อยให้โอนเงินไปแล้ว 2 วันค่อยโทร.มาแจ้ง ซึ่งเรื่องนี้จะต้องเร่ง สรุปให้ได้ใน 30 วัน และหาผู้กระทำผิดโดยเร็ว
|
|
|
|
|