Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน28 กรกฎาคม 2548
จ่อขึ้นราคาปูน SCC ออกหุ้นกู้หมื่นล้านบาท             
 


   
www resources

โฮมเพจ เครือซิเมนต์ไทย
โฮมเพจ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)

   
search resources

เครือซิเมนต์ไทย
ปูนซิเมนต์ไทย, บมจ.
Chemicals and Plastics
Cement




SCC มั่นใจปีนี้รายได้รวมเกิน 10% ผลจากธุรกิจปิโตรเคมียังคงทำเงิน แม้ไตรมาสสองราคาตกแต่แนวโน้ม ครึ่งปีหลังสดใส เล็งเจรจารัฐเพื่อขอปรับราคาปูนซีเมนต์เหตุต้นทุนพุ่ง เผยการลอยตัวค่าเงินหยวนของจีนไม่กระทบ เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้เดิม พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 7.50 บาท หลังผลงานไตรมาส 2 กำไรเกือบ 9 พันล้านบาท

นายชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาสสองปี 48 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 8,721 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลดีจากธุรกิจปิโตรเคมีมีการเติบโตที่ดี ขณะที่ยอดขายในงวดนี้พบว่าบริษัทและบริษัทย่อยมียอดขายรวม 53,739 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 19% ส่วนงบงวดครึ่งปีแรกพบว่ามียอดขายรวม 110,904 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 18,718 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% จากปีก่อนเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวโน้มของภาวะเศรษฐกิจซบ แต่ SCC ยังมั่นใจว่าเป้าหมายการเติบโตของยอดขายปีนี้ยังจะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้คือที่ระดับ 10-15% จากปีที่ผ่านมา อันเป็นผลดีจากธุรกิจปิโตรเคมีที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ทำรายได้ให้แก่บริษัทอย่างมาก แม้ว่าในไตรมาส 2 ของปีนี้ธุรกิจดังกล่าวจะกำไรจะลดลงบ้าง เนื่องจากราคาปิโตรเคมีในช่วงดังกล่าวปรับลดลงพอสมควรจากไตรมาสแรก

นายชุมพลกล่าวว่า ในไตรมาส 3 นี้ แนวโน้มของราคาปิโตรเคมีพบว่าเริ่มปรับตัวขึ้นมาแล้ว และสองไตรมาสหลังของปีนี้ยังเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แก่บริษัทอย่างมากเช่นเดิม โดยแม้ว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ธุรกิจปิโตรเคมีจะทำกำไรลดล แต่สองไตรมาสที่เหลือธุรกิจนี้จะยังเป็นตัวหลักที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทมีทิศทางที่ดีขึ้นและเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

นายชุมพลกล่าวถึงราคาปูนซีเมนต์ในครึ่งปีหลังว่า มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นราคา เนื่องจากปัจจุบันต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งต้องเจรจากับทางภาครัฐบาลเพื่อขอปรับราคาขึ้น โดยยืนยันว่าแม้จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นจากที่ผ่านมา แต่ก็จะรักษาอัตราการปรับเพิ่มให้ไม่สูงเกินไปและต้องดูความกำลังซื้อของผู้บริโภคด้วย

"บริษัทจะมีการปรับราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นที่จะต้องดูจังหวะที่เหมาะสม โดยจะไม่มีการปรับราคาตามอำเภอใจ โดยปีนี้ก็มีโอกาสปรับราคาปูนเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งต้องรอเจรจากับภาครัฐก่อน เนื่องจากขณะนี้ต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปในส่วนที่เพิ่มอย่างชัดเจน" นายชุมพลกล่าว

ส่วนการปรับค่าเงินหยวนของจีนนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด เพราะจีนปรับค่าเงินหยวนเพียง 2% เท่านั้น ซึ่งต้องติดตามในระยะยาวกว่าการปรับดังกล่าวมีทิศทางเป็นอย่างไร

นายชุมพลกล่าวว่า ในครึ่งหลังของปีนี้มีภาวะเศรษฐกิจจะชะลอลงจากหลายปัจจัย ทั้งราคาน้ำมัน ดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น กำลังซื้อหดตัว ส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอลง และจะส่งผลต่อยอดขายวัสดุก่อสร้างที่จะชะลอลงตาม แต่ในส่วนของปูนซีเมนต์คาดว่าอาจจะไม่หดตัว เพราะยังมีการก่อสร้างของภาครัฐมาทดแทน โดยเชื่อว่ายอดขายปูนฯ จะขยายตัวตามเป้าหมาย 10% แต่หากครึ่งปีหลังยอดขายในประเทศลดลง SCC ก็คงต้องส่งออกเพิ่มขึ้น

สำหรับการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NPC) และ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด(มหาชน) (TOC) เพื่อจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ บริษัท ปตท ปิโตรเคมีเคิล (PTTCP) ว่า แม้ขณะนี้จะมีการควบรวมกิจการดังกล่าวร่วมกัน แต่ทาง SCC ก็พอใจที่จะเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ในสัดส่วน 19% รองจาก PTT เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง สัดส่วน 40%

อย่างไรก็ตาม หากในอนาคตทาง SCC มีแหล่งปิโตรเคมีแหล่งใหม่เพื่อใช้ในการดำเนินงาน ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้ปิโตรเคมีจากทาง NPC และ TOC เช่นที่ผ่านมา ซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างมากที่บริษัทจะขายหุ้นดังกล่าวออกไป

นายชุมพลยังกล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออกว่า บริษัทมั่นใจในแนวทางแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำขาดแคลนของภาครัฐซึ่งมีแผนทั้งระยะสั้นและเร่งด่วน จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ และยืนยันว่าธุรกิจปิโตรเคมีของ SCC ยังคงเดินเครื่องตามปกติ และโรงงานระยองโอเลฟินส์มีแผนจะปิดซ่อมบำรุงในไตรมาส 4 ของปีนี้ ซึ่งเป็นไปตามแผนปกติ

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 7.50 บาท กำหนดจ่ายปันผล 23 สิงหาคม โดยผู้ถือหุ้นมีสิทธิได้รับเงินปันผลตามรายชื่อที่ปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นวันที่ 11 สิงหาคม เวลา 12.00 น. และคณะกรรมการบริษัทยังมีมติให้ออก และเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ จำนวน 10,000 ล้านบาท เนื่องจากหุ้นกู้เดิม 7,500 ล้านบาท จะครบกำหนดไถ่ถอนวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดย การขายหุ้นกู้ชุดใหม่จะให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนก่อน   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us