วัน-ทู-คอล เปลี่ยนภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ ดึง "ปาล์มมี่"เป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่
วางงบกิจกรรมการตลาดโปรโมตหนักกว่า 60 ล้านบาทในช่วงแรก สื่อสารตรงใจถึงกลุ่มเป้าหมาย
ดันยอดขายเติบโตต่อเนื่อง ปลายปีฟันเต็มๆ กว่า 8 ล้านเลขหมาย เติบโตขึ้น
360% ยึดตำแหน่งมาร์เกตดีลเลอร์ในฐานะเบ็ดเสร็จ พร้อมอัดบริการเสริมใหม่รอง
รับความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ สร้างรายได้หลักทั้งจากค่าแอร์ไทม์และบริการเสริมเพียบ
นายทรงศักดิ์ เปรมสุข รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงาน การตลาด บริษัท แอดวานซ์
อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือเอไอเอส ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่วัน-ทู-คอล
เปิดเผยว่าทางบริษัทเตรียมแต่งตัวให้กับแบรนด์วัน-ทู-คอลใหม่ โดยการดึงศิลปินเพลง
"ปาล์มมี่" มาเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่แทน "ซาร่า" ซึ่งเป็นพรีเซนเตอร์
ให้กับวัน-ทู-คอล มากว่า 2 ปี เท่า กับอายุของแบรนด์ที่เป็นมา 2 ปีกว่าเช่นกัน
นับเป็นการสะท้อนภาพลักษณะอิสระในแบบวัน-ทู-คอล อย่างแท้จริง
สำหรับการที่วัน-ทู-คอล เลือก "ปาล์มมี่" เป็นพรีเซนเตอร์ เนื่องจากเป็นนักร้องรุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยมมากจากการออกผลงานเพลงชุดแรก
ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของแบรนด์ ที่ต้องการเลือกตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ เบื้องหลังความสำเร็จของปาล์มมี่มาจากความมั่นใจ มีความมุ่งมั่นในสิ่งที่ตัวเองรัก
และหาโอกาสที่จะทำให้ตนเองประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นบุคลิก ที่สอดคล้องกันแนวความคิดของวัน-ทู-คอล
และปาล์มมี่มีบุคลิกและรูปแบบการดำเนินชีวิตที่สอด คล้องกับบุคลิกของกลุ่มเป้าหมาย
และบุคลิกของผลิตภัณฑ์วัน-ทู-คอล
"ด้วยเหตุผลต่างๆ ที่สอด คล้องกันทำให้วัน-ทู-คอล เชื่อมั่นว่า การมีพรีเซ็นเตอร์เป็นปาล์มมี่จะช่วยในการส่งเสริม
และตอกย้ำแนวคิดอิสระ หรือฟรีดอทคอนเซ็ปต์ ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของผลิตภัณฑ์วัน-ทู-คอล
ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน"
ที่สำคัญ "ปาล์มมี่" จะเสมือนตัวแทนของแบรนด์วัน-ทู-คอล ในการสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้า
เป้าหมาย ซึ่งจะส่งผลให้วัน-ทู-คอล สามารถเข้า ไปเป็นส่วนหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเลือกใช้
โดยในระยะแรกปาล์มมี่มีสัญญากับทางวัน-ทู-คอล 1 ปี ส่วนรายละเอียดของค่า
ตัวนั้นทางผู้บริหารวัน-ทู-คอล เปิดเผยว่าเป็นตัวเลขประมาณเจ็ดหลัก ส่วนงบกิจกรรมทาง
การตลาดในช่วงการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ใหม่ในครั้งนี้ ทางวัน-ทู-คอล ได้เตรียมงบไว้กว่า
60 ล้านบาท
นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากปาล์มมี่จะเป็นตัวแทนของแบรนด์แล้ว ส่วนสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือจะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างยอดขายของวัน-ทู-คอล
ให้เดินหน้าต่อไป โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะเป็นมาร์เก็ตดีลเลอร์ของตลาดโทรศัพท์มือถือพรีเพด
คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ตัวเลขผู้ใช้วัน-ทู-คอล จะมีทั้งสิ้นประมาณ 8 ล้านเลขหมาย
ซึ่ง ตัวเลขดังกล่าวแสดงถึงอัตราการเติบโตถึง 360% เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขผู้ใช้บริการในปี
2544 ที่มีประมาณ 2.2 ล้านเลขหมาย
ปัจจุบันวัน-ทู-คอล ยังอยู่ในฐานะผู้นำตลาดพรีเพด โดยมียอดผู้ใช้งานทั้งสิ้น
5.7 ล้าน เลขหมาย จากตลาดรวมโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งหมด 12.7 ล้านเลขหมาย
หรือมีส่วนแบ่งทาง การตลาดประมาณ 39% หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 64%
จากตลาดพรีเพดทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 7.8 ล้านเลขหมาย ขณะที่บริษัทคู่แข่งมียอดผู้ใช้งานน้อยกว่ามาก
โดยดีแทคมีประมาณ 2.7 ล้านเลขหมาย และทีเอออเร้นจ์มีประมาณ 1 แสนเลขหมาย
"เดือนที่ผ่านมาถือเป็นเดือนที่วัน-ทู-คอลทำ สถิติยอดขายสูงสุดคือ
6.6 แสนเลขหมาย หลังจากที่ตัวเลขยอดขายเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี โดยใน เดือนมกราคมมียอดขายอยู่ที่
3.9 แสนเลขหมาย ต่อเดือน และเพิ่มขึ้นทุกเดือนจนปัจจุบันมียอดขายเกือบ 7
แสนเลขหมาย"
นอกจากการผลักดันตัวเลขในด้านยอดขาย แล้ว วัน-ทู-คอลยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการเสริมอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีฐานลูกค้าเป็นจำนวนมาก จึงทำ ให้มีความต้องการที่หลากหลายทั้งทางด้านไลฟ์สไตล์
และพฤติกรรมการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้บริการ
พบว่าลูกค้าวัน-ทู-คอล มีคามต้องการใช้บริการเสริมประเภทนอนวอยซ์เพิ่มมากขึ้น
วัน-ทู-คอล จึงได้พัฒนาบิรการในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่องตลอดมา เพื่อการตอบสนอง
การให้บริการทางด้านไลฟ์สไตล์ ได้แก่ บริการส่ง ข้อความสั้น บริษัทดาว์นโหลดโลโก้
ริงโทน บริการมิวสิคทูเกตเตอร์ และบริการอินเตอร์เนชั่นแนลคอลล์ ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการเป็นอย่างดี
ล่าสุดวัน-ทู-คอล ได้เปิดให้บริการ Freedom Planet บริการข้ามแดนอัตโนมัติ
ถือได้ว่า เป็นบริการที่ตรงกับแนวคิดของผลิตภัณฑ์ ที่มีความสะดวก ง่าย และรวดเร็ว
โดยเป็นบริการที่ ใช้บริการได้ทันที ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเปิด ใช้บริการ
เพิ่มความสะดวกเนื่องจากผู้ใช้บริการสามารถโทร.กลับมาประเทศไทยเพื่อเติมเงินได้ฟรี
โดยใช้ Refilled Card จากการใช้มือถือของตนเอง สามารถเช็กยอดเงินคงเหลือได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
และสามารถโทร.กลับมาสอบถามวิธีการใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมงที่เอไอเอสคอลล์เซ็นเตอร์
โดยการกด *122# โดยบริการบริการข้ามแดนอัตโนมัติจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งวันที่
19 สิงหาคม 2545
นายทรงศักดิ์ กล่าวว่าขณะนี้รายได้ของวัน-ทู-คอล จึงไม่ได้มาเฉพาะค่าแอร์ไทม์เท่านั้น
แต่ จะมาจากรายได้ของบริการเสริม ซึ่งเฉพาะบริการ ข้ามแดนอัตโนมัติบริษัทคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมี
ยอดผู้ใช้บริการกว่า 350,000 คน สามารถทำราย ได้กว่า 250 ล้าน บาท ส่วนรายได้บริการเสริมอื่นๆ
ยอดตัวเลขเดือนล่าสุดระบุว่าบริการส่งข้อ ความสั้นมีรายได้ประมาณ 75 ล้านบาทต่อเดือน
บริการอินเตอร์เนชั่นแนลคอลล์ 58 ล้านบาทต่อเดือน