Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 กรกฎาคม 2548
หอแว่นทุ่ม200ล.ฮุบเชนโอพีเอสเอ็มลดงบลงทุนไทย-แก้มือบุกจีนอีกรอบ             
 


   
www resources

โฮมเพจ หอแว่นกรุ๊ป

   
search resources

Apparel and Accessories
หอแว่นกรุ๊ป, บจก.




หอแว่นกรุ๊ปรับมือภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว รุดซื้อกิจการจากโอพีเอสเอ็ม 200 ล้านบาท ขยายธุรกิจภายใต้แบรนด์ "เบ็ทเทอร์ วิชั่น" สู่แดนสิงคโปร์และมาเลเซีย หวังสร้างแบรนด์ติดตลาดรีจีนอล ก่อนสยายปีกสู่โกลบอล แบรนด์ในระยะยาว เผยตลาดจีนไม่เวิร์กเจอปัญหาเรื่อง กฎหมายแต่ยังไม่ท้อเตรียมขยายตลาดอีกครั้งใน 3 ปีข้างหน้าพร้อมมีแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนในประเทศปีนี้ลดงบลงทุนกว่า 60% หลังไทยเจอหลายปัจจัยรุมเร้า พร้อมตั้งเป้าโตต่ำกว่าทุกปีหรือประมาณ 15-20%

นายภาคี ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท หอแว่นกรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดแว่นตาปีนี้ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย อาทิ เหตุการณ์สึนามิ, ราคาน้ำมัน และจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ตลาดชะลอตัว คาดว่าปีนี้จะเติบโต 15-20% ซึ่งน้อยกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา กว่า 20% ดังนั้น บริษัทฯจึงต้องเสริม ธุรกิจด้วยการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศ

ล่าสุดบริษัทฯได้ลงทุน 200 ล้านบาทซื้อกิจการเครือข่ายร้านแว่นตาโอพีเอสเอ็มในประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียจากบริษัทโอพีเอสเอ็ม กรุ๊ป จำกัดของออสเตรเลียมาดำเนินกิจการต่อ ซึ่งหอแว่นจะเริ่มดำเนินการ บริหารในวันที่ 1 ก.ย. นี้ด้วยการใช้ชื่อแบรนด์ว่า "เบ็ทเทอร์ วิชั่น" ซึ่งการ ลงทุนในครั้งนี้บริษัทฯต้องการสร้างแบรนด์เบ็ทเทอร์ วิชั่นให้ติดตลาด รีจีนอล แบรนด์ และเป็นโกลบอล แบรนด์ในระยาวยาวหรืออีก 10 ปีข้างหน้า

ประกอบกับบริษัทฯมองเห็นศักยภาพของตลาดทั้ง 2 ว่ามีกำลังซื้อ สูงกว่าคนไทย โดยตลาดแว่นตาในสิงคโปร์มีมูลค่า 3 พันล้านบาทต่อปี ขณะที่จำนวนประชากร 4 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตลาดเล็กแต่มีกำลังซื้อสูงกว่าไทย ส่วนมาเลเซียมีประชากร 20 ล้านคน และมีมูลค่าตลาดรวมแว่นตาประมาณ 4 พันล้านบาทต่อปี โดยคาดว่ายอดรายได้ของ 2 ประเทศจะอยู่ที่ 200 ล้านบาทจาก 22 สาขา และมีการเติบโต 5-10%

"บริษัทฯตั้งเป้าภายใน 3 ปี ยอดขายรวมของบริษัทจะมีกว่า 1 พันล้านบาท แบ่งเป็นตลาดในสิงคโปร์และมาเลเซียจะมีอัตราการโต 15-20% ส่วนไทยโตทุกปี 20% และเซี่ยงไฮ้ โต 15-20% นอกจากนี้บริษัทฯมีแผนขยายตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม, ลาว และพม่า รวมถึง เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯหลัง 3 ปีข้างหน้านี้"

ทั้งนี้ การลงทุนครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากการลงทุนในจีนที่ เซี่ยงไฮ้ ซึ่งหอแว่นได้รับเชิญจากซีพี ให้ไปเปิดร้านที่ศูนย์ซูเปอร์ แบรนด์ มอลล์เมื่อปี 2002 โดยการทำตลาดในจีนพบว่ายังมีปัญหามาก อาทิ เรื่องกฎหมายและการปกครอง ขณะนี้บริษัทฯรอให้ระบบภายในจีนมีความแน่นอนก่อน จากนั้นมีแผนเดินหน้าขยายตลาดจีนอย่างเต็มที่ ซึ่งการมาบุกสิงคโปร์และมาเลเซียก็เป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการบุกจีน เนื่องจากทีมงานสิงคโปร์พูดภาษาจีนกวางตุ้งได้ นายภาคีกล่าวด้วยว่า การทำตลาดในประเทศไทยในช่วงครึ่งปีหลังนี้ หอแว่นเตรียมงบลงทุน 7-8 ล้านบาทจากงบทั้งปี 12 ล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยลงหากเปรียบเทียบกับปีที่แล้วที่ใช้งบลงทุน 40 ล้านบาท โดยหอแว่นมีแผนจัดแคมเปญใหญ่ ซึ่งจะมีการทำโปรโมชันและลดราคาสินค้า เป็นต้น

ส่วนแผนการขยายสาขาในไทยปีนี้เตรียมเปิด 6-8 แห่งตามศูนย์การค้าและดิสเคานต์สโตร์ อาทิ สยามพารากอน ภายใต้งบประมาณ 3.5-4 ล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทฯ มีร้านทั้งหมด 85 แห่ง แบ่งเป็นเบ็ท-เทอร์วิชั่นที่เปิดเฉพาะในศูนย์การค้าใหญ่ 22-23 แห่ง และมีกลุ่มเป้าหมาย ระดับบน ส่วนร้านหอแว่นจะเน้นเปิด ตามดิสเคานต์สโตร์ และมีกลุ่มลูกค้า ระดับกลางถึงล่าง

ผลประกอบการปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ากว่า 700 ล้านบาท เติบโต 15-20% แบ่งเป็นสัดส่วนยอดขาย หอแว่นและเบ็ทเทอร์ วิชั่นอย่างละ 50% ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา พบว่ายอดขายสะดุดไป โดยเฉพาะเดือนมิ.ย.ที่ยอดโตต่ำกว่าเป้าหรือ 10% จากการที่รัฐบาลรณรงค์ให้ประหยัด พลังงานและเรื่องราคาน้ำมัน

ขณะที่ตลาดรวมของแว่นตาในไทยมีมูลค่ากว่า 4,500 ล้านบาทและมีอัตราการเติบโต 8% โดยบริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาด 18% และ อยู่อันดับ 2 ในตลาดรองจากท็อป-เจริญ   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us