Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน27 กรกฎาคม 2548
ธุรกิจเงินด่วนสุดฮอตอิออนระดมทุน-อีซี่ บายมั่นใจครึ่งหลังสินเชื่อโตต่อ             
 


   
www resources

โฮมเพจ อิออน ธนสินทรัพย์

   
search resources

อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์), บมจ.
Loan




อิออนระดมทุน 5 พันล้านเยน กู้เงินสถาบันการเงินญี่ปุ่น 6 แห่ง รองรับการขยายตัวทางธุรกิจ ระยะยาวเตรียมระดมทุนด้วยการ ซีเคียวรีไทเซชัน และแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ด้าน อีซี่ บาย ชะลอแผนเข้าตลาดหุ้นเป็นปี 49 หลัง ธปท.คุมเข้มดอกเบี้ย 28% มั่นใจสินเชื่อรายย่อยของ บริษัทโตต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว คาดสิ้นปี ขยายตัวได้ 15-20%

นายมาซาโอะ มิซูโน กรรมการผู้จัดการบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (AEONTS) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ระดมเงินทุนโดยได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินของประเทศญี่ปุ่น 6 แห่ง ซึ่งเป็นการปล่อย กู้ร่วมกัน (ซินดิเคตโลน) ภายใต้วงเงินประมาณ 1,800 ล้านบาท หรือ 5,000 ล้านเยน อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับอยู่ที่ระดับ 4.86% และจะใช้คืนภายในเวลา 3 ปี เป็นการปล่อยเงินกู้แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยการได้รับอนุมัติครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯแข็งแกร่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทฯดำเนินการระดมทุนในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการ นำมาใช้ในการหมุนเวียนธุรกิจ เช่น ขยายธุรกิจบัตรเครดิต ขยายเครือข่าย และวางระบบเทคโนโลยีเพื่อให้บริการที่รวดเร็วแก่ลูกค้า รวมทั้งขยายสาขาเพิ่ม ขึ้นเป็น 70 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 62 แห่ง

"บริษัทอิออนพยายามหาช่องทางของแหล่งเงินทุนใหม่ จะยึดแหล่งเงินทุน จากธนาคารพาณิชย์ของไทยอย่างเดียวไม่ได้ การระดมเงินทุนที่ได้รับจากการ ปล่อยกู้ร่วมของ 6 บริษัทครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.SHINSEI BANK, LIMITED 2.Mitsui Sumitomo Insurance Co.,Ltd. 3.Resona Bank Ltd. 4.The Michinoku Bank,Ltd. 5.Tokio & Nichido Fire Insurance Co.,Ltd. 6.The Chugoku Bank, Ltd. ซึ่งถือว่าเป็นการปล่อยสินเชื่อที่มีขนาดใหญ่มาก และเป็นครั้งแรกของไทยและเอเชีย"

ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทได้ระดมทุนแล้วจะทำให้ มีสัดส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) ของบริษัทไม่เกิน 7 เท่า โดยบริษัทมีเป้าหมายไม่เกิน 10 เท่า ซึ่งในระยะต่อ ไปทางบริษัทมีแผนที่จะแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ซึ่งเป็น ทางหนึ่งในการระดมเงินทุนเพื่อนำไปขยายธุรกิจ แต่ จะดำเนินกรเมื่อได้นั้นขึ้นอยู่กับสภาพของตลาด จาก ปัจจุบันมีต้นทุนเงินกู้เฉลี่ยอยู่ที่ 4.5% และมีหนี้ทั้งสิ้นประมาณ 17,000 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะระดมเงินทุนโดยการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (ซีเคียวรีไทเซชั่น) ในวงเงิน 2,000-3,000 ล้านบาท หลังจาก เดือนสิงหาคม 2548 เป็นต้นไป โดยเงินที่ระดมทุนจะนำไปขยายธุรกิจและให้บริการสินเชื่อกับลูกค้า และเป็นการระดมเงินทุนในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยมีทิศทางที่จะปรับเพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ออกพันธบัตรไปแล้วจำนวน 1,320 ล้านบาท

นายมาซาโอะ มิซูโนกล่าวต่อว่า บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อในส่วนของธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศด้วย เช่น ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคาร กรุงไทย ( KTB) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารกรุงศรี-อยุธยา (BAY) นอกจากนี้ธนาคารยังมีวงเงินสินเชื่อ กับธนาคารสัญชาติญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทยทุกแห่ง ด้วย ซึ่งได้รับความไว้วางใจในฐานะของบริษัทเองเป็น อย่างดี

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทนั้น ในช่วง ไตรมาส 1/2548 (21 กุมภาพันธ์-20 พฤษภาคม 2548) บริษัทมีอัตราการขยายตัวของสินเชื่อทุกประเภทอยู่ที่ระดับ 27% หรือประมาณ 11,700 ล้านบาท สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) 2.43% และมียอดสินเชื่อคงค้างในไตรมาส 2/2548 มีสัดส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคล 23% บัตรเครดิต 36% และสินเชื่อเช่าซื้อสินค้าอีก 41%

นางกัณณิกา เกื้อศิริกุล กรรมการบริหาร กล่าวว่า เงินทุนที่ได้รับจะนำมารองรับการดำเนินงาน ด้านผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตเป็นสำคัญ ซึ่งการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลในส่วนของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) โดยกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวมกันไม่เกิน 24% นั้น ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้บริษัทหันมามุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจบัตรเครดิต แต่เห็นว่าสินเชื่อบัตรเครดิตในระยะต่อไปจะขยายตัวได้มากกว่าสินเชื่อประเภทอื่น

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมองว่าการที่ ธปท.ออกมาตรการดังกล่าวออกมานับว่าเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากช่วยให้การปล่อยสินเชื่อของผู้ประกอบการมีมาตรฐาน และเป็นการจัดระเบียบที่เหมาะสม ซึ่งบริษัทฯสามารถปรับตัวตามเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดได้ และแม้ว่าจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยรวมกับค่าธรรมเนียมให้ต่ำลง แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อผลกำไรของบริษัทเพราะมียอดการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น อีซี่ บาย ชะลอแผนเข้าตลาดฯ

นายคัทซูฮิโกะ มาโดโนะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลัก- ทรัพย์ฯแล้ว แต่หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการคุมดอกเบี้ย 28% จึงทำให้ความเชื่อมั่นของผู้ที่สนใจจะร่วมลงทุนกับบริษัทลดน้อยลง จึงจะชะลอแผนดังกล่าวถึงปี 2548 และคาดว่าจะเข้าตลาดหุ้นในปี 2549

ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการร่วมลงทุนต้องการรอดูผลประกอบการทั้งก่อนและหลังที่มีการใช้มาตรการ ดังกล่าว ซึ่งหากผลประกอบการยังทรงตัวก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดี ซึ่งการชะลอการเข้าตลาดฯ ไม่เกี่ยว กับภาวะของตลาดหุ้นโดยรวม และสภาพเศรษฐกิจ แต่มองว่าเป็นผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ เพียงอย่างเดียว

นายคัทซูฮิโกะ กล่าวว่า การกู้เงินเพื่อนำมาปล่อยสินเชื่อนั้นที่ผ่านมายังไม่เคยนำเงินจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นมาใช้ เนื่องจากมองว่าการกู้ยืมธนาคารในประเทศจะถูกกว่าเงินเยน และการหาเงิน มาปล่อยกู้ มองว่ามีแนวทางอื่น เช่น การออกหุ้นกู้จะดีกว่า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัท เคยออกหุ้นกู้ 3,000 ล้าน บาท แต่สำหรับแนวโน้มในปี 48 นั้นมองว่าจะยังไม่ออกหุ้นกู้เพิ่ม

ด้านนายสุรสิทธิ์ ยศยิ่งธรรมกุล รองกรรมการ บริหาร บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ใน ปีนี้บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตประมาณ 15-20% ซึ่ง ลดลงจากเดิมที่เคยตั้งเป้า 30% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมา จากธปท.ออกมาตรการคุมเข้มดอกเบี้ย ซึ่งสิ้นปีคาดว่ายอดสินเชื่อสุทธิจะอยู่ที่ 15,000-16,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมียอดสินเชื่อ 12,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดรวมการปล่อยสินเชื่อจะอยู่ที่ 24,000-25,000 ล้านบาท

โดยประชาชนมีการใช้บริการอีซี่ บาย เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับราคาน้ำมันแพง ซึ่ง การที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมประหยัดทางด้านอื่นและหันมาใช้สินเชื่อเงินผ่อนมากขึ้น ส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) มีแนวโน้มลดลง โดยขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 3-4% อย่างไรก็ตาม บริษัทจะต้องพยายามปรับบทบาท ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น พัฒนาการบริการให้มีความหลากหลายขึ้น


ธุรกิจเงินด่วนสุดฮอตอิออนระดมทุน-อีซี่ บายมั่นใจครึ่งหลังสินเชื่อโตต่อ อิออนระดมทุน 5 พันล้านเยน กู้เงินสถาบันการเงินญี่ปุ่น 6 แห่ง รองรับการขยายตัวทางธุรกิจ ระยะยาวเตรียมระดมทุนด้วยการ ซีเคียวรีไทเซชัน และแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ด้าน อีซี่ บาย ชะลอแผนเข้าตลาดหุ้นเป็นปี 49 หลัง ธปท.คุมเข้มดอกเบี้ย 28% มั่นใจสินเชื่อรายย่อยของ บริษัทโตต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว คาดสิ้นปี ขยายตัวได้ 15-20%
นายมาซาโอะ มิซูโน กรรมการผู้จัดการบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (AEONTS) เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ระดมเงินทุนโดยได้รับอนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินของประเทศญี่ปุ่น 6 แห่ง ซึ่งเป็นการปล่อย กู้ร่วมกัน (ซินดิเคตโลน) ภายใต้วงเงินประมาณ 1,800 ล้านบาท หรือ 5,000 ล้านเยน อัตราดอกเบี้ยที่ได้รับอยู่ที่ระดับ 4.86% และจะใช้คืนภายในเวลา 3 ปี เป็นการปล่อยเงินกู้แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยการได้รับอนุมัติครั้งนี้จะทำให้บริษัทฯแข็งแกร่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทฯดำเนินการระดมทุนในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการ นำมาใช้ในการหมุนเวียนธุรกิจ เช่น ขยายธุรกิจบัตรเครดิต ขยายเครือข่าย และวางระบบเทคโนโลยีเพื่อให้บริการที่รวดเร็วแก่ลูกค้า รวมทั้งขยายสาขาเพิ่ม ขึ้นเป็น 70 แห่ง จากปัจจุบันที่มีอยู่ 62 แห่ง

"บริษัทอิออนพยายามหาช่องทางของแหล่งเงินทุนใหม่ จะยึดแหล่งเงินทุน จากธนาคารพาณิชย์ของไทยอย่างเดียวไม่ได้ การระดมเงินทุนที่ได้รับจากการ ปล่อยกู้ร่วมของ 6 บริษัทครั้งนี้ ประกอบด้วย 1.SHINSEI BANK, LIMITED 2.Mitsui Sumitomo Insurance Co.,Ltd. 3.Resona Bank Ltd. 4.The Michinoku Bank,Ltd. 5.Tokio & Nichido Fire Insurance Co.,Ltd. 6.The Chugoku Bank, Ltd. ซึ่งถือว่าเป็นการปล่อยสินเชื่อที่มีขนาดใหญ่มาก และเป็นครั้งแรกของไทยและเอเชีย "

ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทได้ระดมทุนแล้วจะทำให้ มีสัดส่วนหนี้ต่อทุน (D/E) ของบริษัทไม่เกิน 7 เท่า โดยบริษัทมีเป้าหมายไม่เกิน 10 เท่า ซึ่งในระยะต่อ ไปทางบริษัทมีแผนที่จะแปลงสินทรัพย์เป็นทุน ซึ่งเป็น ทางหนึ่งในการระดมเงินทุนเพื่อนำไปขยายธุรกิจ แต่ จะดำเนินกรเมื่อได้นั้นขึ้นอยู่กับสภาพของตลาด จาก ปัจจุบันมีต้นทุนเงินกู้เฉลี่ยอยู่ที่ 4.5% และมีหนี้ทั้งสิ้นประมาณ 17,000 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะระดมเงินทุนโดยการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (ซีเคียวรีไทเซชั่น) ในวงเงิน 2,000-3,000 ล้านบาท หลังจาก เดือนสิงหาคม 2548 เป็นต้นไป โดยเงินที่ระดมทุนจะนำไปขยายธุรกิจและให้บริการสินเชื่อกับลูกค้า และเป็นการระดมเงินทุนในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยมีทิศทางที่จะปรับเพิ่มขึ้น โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ออกพันธบัตรไปแล้วจำนวน 1,320 ล้านบาท

นายมาซาโอะ มิซูโนกล่าวต่อว่า บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อในส่วนของธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศด้วย เช่น ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ธนาคาร กรุงไทย ( KTB) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารกรุงศรี-อยุธยา (BAY) นอกจากนี้ธนาคารยังมีวงเงินสินเชื่อ กับธนาคารสัญชาติญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทยทุกแห่ง ด้วย ซึ่งได้รับความไว้วางใจในฐานะของบริษัทเองเป็น อย่างดี

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทนั้น ในช่วง ไตรมาส 1/2548 (21 กุมภาพันธ์-20 พฤษภาคม 2548) บริษัทมีอัตราการขยายตัวของสินเชื่อทุกประเภทอยู่ที่ระดับ 27% หรือประมาณ 11,700 ล้านบาท สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) 2.43% และมียอดสินเชื่อคงค้างในไตรมาส 2/2548 มีสัดส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคล 23% บัตรเครดิต 36% และสินเชื่อเช่าซื้อสินค้าอีก 41%

นางกัณณิกา เกื้อศิริกุล กรรมการบริหาร กล่าวว่า เงินทุนที่ได้รับจะนำมารองรับการดำเนินงาน ด้านผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตเป็นสำคัญ ซึ่งการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาตรการควบคุมการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลในส่วนของสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (นอนแบงก์) โดยกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวมกันไม่เกิน 24% นั้น ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้บริษัทหันมามุ่งเน้นกลุ่มธุรกิจบัตรเครดิต แต่เห็นว่าสินเชื่อบัตรเครดิตในระยะต่อไปจะขยายตัวได้มากกว่าสินเชื่อประเภทอื่น

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมองว่าการที่ ธปท.ออกมาตรการดังกล่าวออกมานับว่าเป็นสิ่งที่ดี เนื่องจากช่วยให้การปล่อยสินเชื่อของผู้ประกอบการมีมาตรฐาน และเป็นการจัดระเบียบที่เหมาะสม ซึ่งบริษัทฯสามารถปรับตัวตามเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนดได้ และแม้ว่าจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยรวมกับค่าธรรมเนียมให้ต่ำลง แต่ก็ไม่ได้กระทบต่อผลกำไรของบริษัทเพราะมียอดการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น อีซี่ บาย ชะลอแผนเข้าตลาดฯ

นายคัทซูฮิโกะ มาโดโนะ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลัก- ทรัพย์ฯแล้ว แต่หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการคุมดอกเบี้ย 28% จึงทำให้ความเชื่อมั่นของผู้ที่สนใจจะร่วมลงทุนกับบริษัทลดน้อยลง จึงจะชะลอแผนดังกล่าวถึงปี 2548 และคาดว่าจะเข้าตลาดหุ้นในปี 2549

ทั้งนี้ ผู้ที่ต้องการร่วมลงทุนต้องการรอดูผลประกอบการทั้งก่อนและหลังที่มีการใช้มาตรการ ดังกล่าว ซึ่งหากผลประกอบการยังทรงตัวก็อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ดี ซึ่งการชะลอการเข้าตลาดฯ ไม่เกี่ยว กับภาวะของตลาดหุ้นโดยรวม และสภาพเศรษฐกิจ แต่มองว่าเป็นผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ เพียงอย่างเดียว

นายคัทซูฮิโกะ กล่าวว่า การกู้เงินเพื่อนำมาปล่อยสินเชื่อนั้นที่ผ่านมายังไม่เคยนำเงินจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นมาใช้ เนื่องจากมองว่าการกู้ยืมธนาคารในประเทศจะถูกกว่าเงินเยน และการหาเงิน มาปล่อยกู้ มองว่ามีแนวทางอื่น เช่น การออกหุ้นกู้จะดีกว่า ซึ่งที่ผ่านมาบริษัท เคยออกหุ้นกู้ 3,000 ล้าน บาท แต่สำหรับแนวโน้มในปี 48 นั้นมองว่าจะยังไม่ออกหุ้นกู้เพิ่ม

ด้านนายสุรสิทธิ์ ยศยิ่งธรรมกุล รองกรรมการ บริหาร บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ใน ปีนี้บริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตประมาณ 15-20% ซึ่ง ลดลงจากเดิมที่เคยตั้งเป้า 30% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมา จากธปท.ออกมาตรการคุมเข้มดอกเบี้ย ซึ่งสิ้นปีคาดว่ายอดสินเชื่อสุทธิจะอยู่ที่ 15,000-16,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมียอดสินเชื่อ 12,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดรวมการปล่อยสินเชื่อจะอยู่ที่ 24,000-25,000 ล้านบาท

โดยประชาชนมีการใช้บริการอีซี่ บาย เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับราคาน้ำมันแพง ซึ่ง การที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมประหยัดทางด้านอื่นและหันมาใช้สินเชื่อเงินผ่อนมากขึ้น ส่วนหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) มีแนวโน้มลดลง โดยขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 3-4% อย่างไรก็ตาม บริษัทจะต้องพยายามปรับบทบาท ให้เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น พัฒนาการบริการให้มีความหลากหลายขึ้น   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us