แกรนด์ แอสเสทฯ เล็งเพิ่มทุนรับกลุ่มทุนจากแดนลอดช่อง หลังพันธมิตรมองเห็นโอกาสทางธุรกิจที่เติบโต และยอดขายในโครงการต่างๆ เริ่มส่งผลดีต่ออนาคตของบริษัท ทุ่ม 1,800 ล้านบาท ผุดโครงการ the Sails ที่พ่วงโรงแรมและคอนโดฯ หวังรับกำลังซื้อย่านนี้หลังสนามบินสุวรรณภูมิเปิด จับตาปีนี้รายได้คอนโดฯดึงรายได้รวมของแกรนด์ฯเติบโตมากขึ้น
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ เปิดเผยว่าหุ้นของ บริษัท แกรนด์ แอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) Grand กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากขณะนี้โครงการต่างๆ ที่บริษัทได้ลงทุนในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา กำลังส่งผลดีต่อฐานะของบริษัทอีกครั้ง รวมถึงรายได้ที่จะต่อเนื่องถึงปี 2549 โดยขณะนี้มีกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศแสดงความต้องการที่จะเข้ามาร่วมทุน ซึ่งคาดว่าจะเป็นส่วนของการเพิ่มทุนรอบใหม่
นายพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ประธานกรรมการ บริษัท แกรนด์ฯ เปิดเผยกับ "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เรื่องดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ ซึ่งขณะนี้มีกลุ่มทุนจากสิงคโปร์แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุน เนื่องจากศักยภาพของบริษัท ประกอบกับโครงการต่างๆ ที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้มียอดขายที่เติบโตและสามารถสร้างยอดรับรู้รายได้ให้แก่บริษัทอย่างเต็มที่ โดยคาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีการขยายตัวที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา
"สิงคโปร์สนใจที่จะซื้อหุ้นของแกรนด์ แอสเสท ซึ่งการเข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรมีหลายช่องทาง อาทิ ลงทุนในหุ้นเพิ่มทุนใหม่ก็ได้ แต่ทั้งหมดอยู่ระหว่างการเลือกความเหมาะสม และจะเปิดเผยรายละเอียดในคราวต่อไป" นายพงษ์พันธ์กล่าว
ปัจจุบัน 5 อันดับ ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้แก่ นายพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ 22.69%, นายสุรเดช นฤหล้า 10.18%, นางพวงจันทร์ สัมภวคุปต์ 6.94% นายทวีฉัตร จุฬางกูร 4.22% และนายวรินทร์ นฤหล้า 2.66% ด้านข้อมูลสำคัญทางการเงิน (31 มี.ค.48) มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นรวม 7,278.28 ล้านบาท, หนี้สินเพิ่มขึ้นรวม 5,020.48 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 2,257.80 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระ แล้ว 600.80 ล้านบาท รายได้รวม 260.92 ล้านบาท กำไรสุทธิ 22.58 ล้านบาท อัตราผลตอบแทน ต่อสินทรัพย์ (ROA) 4.20% และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) 6.69% ราคาหุ้นล่าสุด 2.10 บาท
อนึ่ง บริษัทได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าจะเพิ่มทุนเงินทุนหมุนเวียน โดยออกตั๋วแลกเงินวงเงิน 60 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้ได้ออกตั๋วแลกเงินวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท อายุตราสารไม่เกิน 270 วัน
นายพงษ์พันธ์ กล่าวถึงนโยบายการลงทุนจากนี้ไปว่า การเลือกน้ำหนักที่จะเปิดลงทุนโรงแรมหรือคอนโดมิเนียม ต้องพิจารณาจากความเหมาะสมของทำเล และสภาพของตลาดนั้นๆ มีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน เพื่อกำหนดรูปแบบของโครงการให้สอดรับกับกลุ่มลูกค้า อาทิ โครงการใหม่ที่เปิดตัวในครึ่งปีหลัง คือ THE SAILS ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน ตุลาคม 48 ซึ่งมีลักษณะเหมือนเรือใบอ่อนช้อย โดยเป็นรูปแบบผสมผสานระหว่างโครงการโรงแรมระดับ 5 ดาว จำนวน 250 ห้อง ที่ถูกเนรมิตให้เป็นศูนย์จัดเลี้ยงสัมมนาในอนาคต เพื่อรองรับกลุ่มนักธุรกิจหรือบริษัทเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศมาประชุม เนื่องจากโครงการดังกล่าวอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ที่เตรียมเปิดตัวในปี 2549
และโครงการคอนโดมิเนียมที่ขนาบคู่กับตึกแรก จำนวน 129 ยูนิต ราคาเฉลี่ยช่วงแรก 75,000 บาทต่อตร.ม. แบ่งแยกเป็น 1 ห้องนอน พื้นที่ 75 ตร.ม.และ 3 ห้องนอน พื้นที่ 170 ตร.ม.ซึ่งโครงการจะเริ่มก่อสร้างปลายปี 48 คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2550
รูปแบบของโครงการตั้งอยู่บนเนื้อที่ 27 ไร่ 83 ตร.ว. ราคาเฉลี่ยที่ซื้อขาย 6.5 ล้านบาทต่อไร่รวม มูลค่าประมาณ 177 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท กิโลเมตร 156.5 เลยโครงการแอมบาซาเดอร์ และก่อนถึงที่จอดเรือโอเชียนมาริน่า มูลค่าโครงการรวม เงินกู้ 1,800 ล้านบาท
"การวางคอนเซ็ปต์ทั้งโรงแรมและคอนโดมิเนียม ก็เพื่อเกื้อหนุนธุรกิจซึ่งกัน บางช่วงโครงการ โรงแรมจะมีส่วนสนับสนุนรายได้ ขณะที่กลุ่มผู้ซื้อในคอนโดมิเนียม จะแยกเป็นซื้อเพื่ออยู่อาศัยแบบถาวร ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ทำงานในบริเวณชลบุรี ระยอง และในอีสเทิร์นซีบอร์ด ส่วนที่สองจะเป็นชาว ต่างประเทศหรือคนเอเชีย ที่เกษียณอายุแล้วเข้ามาซื้อเพื่ออยู่อาศัย สุดท้ายกลุ่มนักเก็งกำไร เพื่อการลงทุนเป็นหลัก เนื่องจากราคาขายอสังหาริมทรัพย์ของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศยังต่ำมาก"
นายพงษ์พันธ์ได้อ้างข้อมูลสนับสนุนว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวในแหล่งพัทยาและหัวหินในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยที่หัวหินอัตราการเข้าพักเพิ่มจาก 70% เป็น 75% และพัทยา จาก 65% เป็น 70% นอกจาก นี้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กำลังซื้อในทำเลดังกล่าวมีการ ขยายตัวตามการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจภายในพื้นที่ โดยเฉพาะการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิในปี 49
"ต้องยอมรับว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพัทยามีอนาคตขึ้น" ประธานกรรมการกล่าว
สำหรับความคืบหน้าโครงการต่างๆที่บริหารอยู่ นายพงษ์พันธ์กล่าวว่า รายได้หลักของธุรกิจโรงแรมจะมาจากโครงการโรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท ส่วนโรงแรม คราวน์ พลาซ่า สุขุมวิท ที่มีต้นทุนโครงการประมาณ 1,650 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดให้บริการปลายปี 2549 ส่วนโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านบนเกาะในโครงการหัวหิน แกรนด์ ลากูน รีสอร์ท มียอดขาย 90% และจะเริ่มโอนให้กับลูกค้าภายในเดือนปลายปี 2548 โครงการเดอะ เทรนดี้ คอนโดมิเนียมและโครงการเดอะ รีเจนท์ ยอดขายเข้าเป้า คาดจะมียอดรับรู้รายได้ต้นปี 49 "
ที่ลงทุนไปก่อนหน้าและจะเริ่มโครงการ เราถือว่าเป็นการขยายลงทุนมากที่สุดแล้วในช่วงเวลาปีกว่า เราต้องเลือกโครงการที่ดี และเลือกทำโครงการที่ไม่แข่งกับคนอื่น เป็นโครงการที่แปลกใหม่" กระทุ้งต่อให้สิทธิ์ต่างชาติซื้อคอนโดฯ 80%
นายพงษ์พันธ์กล่าวย้ำถึงการแก้ไขกฎหมาย ที่จะให้สิทธิ์ต่างประเทศซื้อคอนโดมิเนียมได้จากระดับ 49% เพิ่มเป็น 80% หากมองในมุมของการท่องเที่ยวแล้ว จะช่วยโปรโมตให้เกิดการไหลเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น เนื่องจากเมื่อชาวต่างชาติได้สิทธิ์ในการลงทุนมากขึ้น จะมีการชักชวนให้ครอบครัวเข้ามาพักผ่อนในเมืองไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งอยากให้มองมุมนี้ ไม่ใช่กังวลที่ต่างชาติจะมาครอบครองทรัพย์สิน
|