เอไอเอสจับมือหัวเหว่ย ขยายไอเอ็น วัน-ทู-คอล! รองรับผู้ใช้บริการได้ถึง
10 ล้านเลขหมายภายในปีนี้ พร้อมตั้ง Research Center ในประเทศไทย พัฒนารูปแบบบริการ
พรีเพดที่ตรงใจคนไทย เดินเกมเพิ่มความเข้มแข็งเครือข่าย ด้วยการตั้ง Regional
Gateway แยกการบริหาร เครือข่ายออกเป็นแต่ละภาค เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการสูง
สุด
นายสมประสงค์ บุญยะชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส
หรือเอไอเอส กล่าวว่าเอไอเอสเซ็นสัญญาซื้ออุปกรณ์ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เรียกว่าโครงข่ายอัจฉริยะหรือ
Intelligent Network (IN) จากบริษัท หัวเหว่ย เทคโนโลยีส์ (Huawei Technologies)
เพื่อมาให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ใน ระบบพรีเพด หรือวัน-ทู-คอล! รองรับผู้ใช้บริการเพิ่มอีก
4 ล้านเลขหมายจากเดิมที่ระบบไอเอ็น ของหัวเหว่ยรองรับได้ 6 ล้านเลขหมาย ทำให้วัน-ทู-คอล!
สามารถรองรับผู้ใช้บริการได้มากถึง 10 ล้านเลขหมายภายในสิ้นปี 2545
"การตัดสินใจเลือกหัวเหว่ยเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับเอไเอส เพราะจากระยะเวลาที่ร่วมงานกัน
หัวเหว่ยพิสูจน์ให้เห็นว่า บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์จากประเทศจีนมีศักยภาพไม่เป็นรองใครและสามารถก้าวสู่ระดับสากลได้
ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีไอเอ็น รวมถึงความรู้และประสบการณ์ที่ทำงานร่วมกันระหว่างทีมวิศวกรของหัวเห่วยกับเอไอเอสในการพัฒนารูปแบบบริการพรีเพดด้วยกันอย่าง
ต่อเนื่อง จนทำให้วันนี้ผู้ใช้บริการวัน-ทู-คอล!มีมากถึงกว่า 5 ล้านเลขหมาย"
นายสมประสงค์กล่าวว่า เอไอเอสกับหัวเห่วยมีการทำงานร่วมกันมา 2-3 ปีแล้ว
เนื่องจากรูปแบบความต้องการใช้งานและเทคโนโลยีเริ่มมีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น
ในช่วงปี 2542 เริ่มมีการ ให้บริการโทรศัพท์มือถือในระบบพรีเพดหรือโทรศัพท์ที่ต้องจ่ายเงิน
ผ่านบัตรเติมเงินก่อนแล้วจึงจะใช้ได้ สิ่งที่ต้องทำในตอนนั้นคือ 1.การให้ความรู้กับตลาดให้รู้จักระบบพรีเพด
และ 2.การเลือก เทคโนโลยีด้านเครือข่าย เนื่องจากเครือข่ายเอไอเอสเป็นเครือข่าย
ที่ครอบคุลมทั่วประเทศอย่างมีประ สิทธิภาพ มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก การเลือกเทคโนโลยี
โดยเฉพาะซอฟต์แวร์ที่จะมาใช้งานบนเครือข่าย จำเป็นต้องทำด้วยความรอบ คอบ
เพราะคุณภาพของเครือข่ายเป็นสิ่ง ที่ทำให้ลุกค้าเกิดความเชื่อมั่นและอยู่กับเอไอเอสเป็นเวลานาน
การเลือกซอฟต์แวร์ที่จะเพิ่มเติมเข้ามาในเครือข่ายจีเอสเอ็ม ต้องมีความสามารถในการคิดคำนวณค่าใช้จ่ายของผู้ใช้บริการก่อน
ที่จะโทร.ออกหรือใช้บริการต่างๆที่เรียก ว่าไอเอ็น ซึ่งในการเลือกซัปพลายเออร์จำเป็นต้องมีความสามารถทั้งในเชิงศักยภาพด้านเทคโนโลยี
ไอเอ็นได้มาตรฐานสากล เป็นองค์ กรที่มีความน่าเชื่อถือและมีประสบ การณ์ในด้านการพัฒนาอุปกรณ์และติดตั้งเครือข่ายสื่อสาร
และที่สำคัญที่สุดต้องมีทีมงานทีมีประ- สิทธิภาพ พร้อมที่จะเปิดกว้างเพื่อ
พัฒนาการให้บริการพรีเพดไปพร้อมๆกับเอไอเอส
"ครั้งแรกผมก็ไม่เชื่อมั่นหัวเหว่ย มากนัก เพราะมีประสบการณ์ น้อยเกี่ยวกับอุปกรณ์จากประเทศจีน
แต่หลังจากที่ไปดูงานร่วมกับทีม งานของเอไอเอส ก็พบว่าหัวเหว่ย มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีมาก
ทั้งๆที่เปิดมาแค่ 10 กว่าปี" เอไอเอส ไม่ได้ซื้อเฉพาะไอเอ็นจากหัวเหว่ยเท่านั้น
แต่ยังจัดซื้ออุปกรณ์ที่เรียก ว่า Regional Gateway เนื่องจากเครือข่ายของเอไอเอสมีการเติบโตขยายไปมาก
จำเป็นต้อง แบ่งการบริหารจัดการด้านเครือข่ายออกเป็นแต่ละภาค เพื่อให้เครือ
ข่ายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น"
เอไอเอสกับหัวเหว่ยยังมีความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ด้วยการจัดตั้ง Research
Center ขึ้นในประเทศไทย โดยจะเป็นสถานที่ซึ่งทีมวิศวกรของเอไอเอสและหัวเห่วยทำงานร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีและพัฒนารูปแบบบริการหรือโซลูชั่นใหม่ๆ
สำหรับบริการ พรีเพด วัน-ทู-คอล! โดยคาดว่าโครงการนี้จะเริ่มได้ในราวไตรมาส
4 ของปี 2545
"ศูนย์นี้จะสามารถค้นคว้า และสร้างรูปแบบบริการใหม่ๆที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของ
คนไทย โดยความร่วมมือระหว่าง เอไอเอสกับหัวเห่วยจะทำให้เอไอเอสมีเครือข่ายคุณภาพดีที่สุดที่จะ
สามารถรองรับบริการพรีเพดได้ถึง 10 ล้านเลหขมาย ซึ่งถือเป็น เครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคนี้"
นายสมประสงค์ กล่าว