TA เพิ่มทุน 6,200 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ ที่มีอยู่ประมาณ 73,000
ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นใหม่ 1,018,336,617 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10
บาท เสนอขายให้ผู้ถือหุ้นเดิม-บุคคลใน วงจำกัด และIFCตามสัญญาค้ำประกันหุ้นกู้
และหากขายไม่หมดซีพีกรุ๊ปอ้าแขนรับซื้อ แต่รวมแล้วไม่เกิน 44% ของสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท
พร้อมซื้อหุ้นเพิ่มของทีเอ ออเร้นจ์ เพื่อรักษาสัดส่วน 51%
นายอธึก อัศวานันท์ รองประธานกรรมการ และหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกฎหมาย
บริษัท เทเลคอมเอเซีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TA แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ
ครั้งที่ 4/2545 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2545 ว่ามีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของ
บริษัทฯจากจำนวน 34,277,815,750 บาท เป็นจำนวน 44,461,181,920 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน
1,018,336,617 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท
ซึ่ง TA ต้องจัดสรรหุ้นสามัญใหม่จำนวน 538,75 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ
ที่มีชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนหุ้น ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2545 ตามสัดส่วนการ
ถือหุ้น โดยเสนอขายหุ้นละ 6.50 บาท อัตราส่วนการจองซื้อเท่ากับ 6 หุ้นเดิมต่อ
1 หุ้นสามัญใหม่ และผู้ถือหุ้นมีสิทธิที่จะจองซื้อหุ้นใหม่ในจำนวนที่เกินกว่าสิทธิที่ตนมีอยู่ในราคาหุ้น
ละ 6.50 บาท โดยการของซื้อดังกล่าวจะกับการจองซื้อหุ้นตามจำนวนที่ตนมีสิทธิและชำระเงินค่า
จองซื้อตามจำนวนที่ตนจองซื้อ
นอกจากนี้ TA ยังจัดสรรหุ้นสามัญใหม่จำนวน 450 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด
(Private Placement) ในคราวเดียว กันหรือต่างคราวกัน โดยราคาเสนอขายหุ้นดังกล่าวจะต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้แต่ทั้งนี้
ราคาเสนอ ขายหุ้นสามัญดังกล่าวจะต้องไม่ต่ำกว่า 6 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาที่มีส่วนลดจากราคาปิดของหุ้นของบริษัทฯ
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2545
และหุ้นในส่วนนี้ TA ต้องการขายให้แก่ผู้ลงทุนรายใหม่ที่ต้องการเข้ามาลงทุนระยะยาว
โดยขณะนี้มีนักลงทุนที่แสดงความในใจเป็นจำนวนมาก แต่บริษัทยังไม่เปิดเผยละเอียดได้ใน
ขณะนี้
อย่างไรก็ตาม หากหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวไม่อาจมีผู้ซื้อหรือกาาเจรจาไม่สำเร็จหรือไม่อาจหาผู้ร่วมทุนรายใหม่เข้ามาได้
ทาง ซีพี กรุ๊ป ที่มีบริษัทในเครือถึง9 แห่ง มีความสนใจที่จะทำการ ซื้อหุ้นเพิ่มทุนในส่วนที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม
ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น แต่จำนวนหุ้นทั้งหมดที่ ซีพี กรุ๊ป จะจองซื้อในส่วนของหุ้นที่เสนอขายให้
แก่บุคคลในวงจำกัดนั้นเมื่อรวมกับจำนวนหุ้นที่ ซีพี กรุ๊ป ที่จะจองซื้อในส่วนของการเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมจะไม่เกิน
484,402,292 หุ้น หรือ ในวงเงินรวมทั้งสิ้น ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท
ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จะทำให้ ซีพี กรุ๊ป มีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นจนเป็นเหตุให้ซีพี
กรุ๊ป ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ บริษัทฯ ตามประกาศ กลต. ซึ่งจะต้องเสนอเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติการเข้าทำรายการเกี่ยวโยงกันที่อาจเกิดขึ้นและการขอ
ผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ กิจการและจำนวนหุ้นสูงสุดที่ซีพีจะถือในบริษัทฯ
ได้ภายหลังการจองซื้อหุ้นเกินสิทธิจะต้องไม่เกิน ร้อยละ 44.40 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเพิ่มทุนและหากมีการใช้สิทธิตามใบ
สำคัญแสดงสิทธิจำนวน 100 ล้านหน่วยที่ ซีพี กรุ๊ป ถืออยู่
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว ซีพี กรุ๊ปจะถือในบริษัทได้ภายหลังการจองซื้อหุ้นในส่วนดังกล่าวเพิ่มเติมจะต้องไม่เกินร้อยละ
40.96 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ภายหลังการเพิ่มทุนในส่วนของหุ้นที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมและในส่วน
ของหุ้นที่เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด บาง ส่วนที่เสนอขายให้แก่ ซีพี กรุ๊ป
รวมทั้งหุ้นที่เกิด จากการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่ ซีพี กรุ๊ป ถืออยู่ทั้งหมด
ปัจจุบัน ซีพี กรุ๊ป ถือหุ้นใน TA จำนวน 36.70% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
และให้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2545
เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
นอกจากนี้ TA ยังจัดสรรหุ้นสามัญใหม่จำนวน 29.58 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่
International Finance Corporation (IFC) โดย ให้เสนอเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น
ครั้งที่ 1/2545 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
อนึ่ง IFC เป็นสถาบันการเงินที่ค้ำประกันหุ้นกู้ส่วนหนึ่งของบริษัทฯ ที่จะออกต่อไป
และได้ เสนอให้เงินกู้ยืม แก่บริษัทฯ ในจำนวนประมาณ 1,125 ล้านบาท อายุเงินกู้ไม่เกิน
10 ปี โดยเงินกู้ ยืมดังกล่าวมีลักษณะพิเศษคือ IFC สามารถนำเงินที่จะได้รับชำระหนี้จากบริษัทฯ
มาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯได้ และกำหนดวันประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติการเพิ่มทุน/
จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2545 ด้วย
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้มมติให้ TA ลงทุน เพิ่มในบริษัท ทีเอ ออเร้นจ์
จำกัด หรือ TA-O ผ่านบริษัทกรุงเทพอินเตอร์เทเลเทค จำกัด หรือ BITCO โดยเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหนี้กึ่งทุนหรือเป็นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภททุนของ
BITCO หรือเป็นการให้ความช่วยเหลือทางการเงินในรูปของเงินกู้ยืมเป็น จำนวนเงินไม่เกิน
3,060 ล้านบาท โดย BITCO จะนำเงินที่ได้มาดังกล่าวไปลงทุนใน TA-O ในหลักทรัพย์ประเภททุนหรือให้เงินกู้ยืมแก่
TA-O ซึ่งเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน
ทั้งนี้ BITCO จะออกหลักทรัพย์ประเภททุน หรือประเภทหนี้กึ่งทุนหรือกู้ยืมเงินจากผู้ถือหุ้นจำนวนทั้งสิ้น
6,000 ล้านบาท โดยในส่วนของบริษัท ไวร์ฟรี เซอร์วิส เบลเยี่ยม จำกัด (Wirefree
Service Belgium) จะลงทุนหรือให้ กู้ยืมในสัดส่วนร้อยละ 49 ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน
BITCO ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 51 TA จะเป็นผู้ลงทุนในหลักทรัพย์หรือให้กู้ยืมทั้งหมด
ซึ่งรวมส่วนของบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด จำนวนร้อยละ 10 ด้วย
สำหรับการซื้อหุ้นดังกล่าว TA ได้แต่งตั้งบริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร จำกัด
(มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ของผู้ถือหุ้นและจะประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ
ครั้งที่ 1/2545 ในวันที่ 18 กันยายน 2545 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการ
จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 29 สิงหาคม 2545 ทั้งนี้ การ เสนอขายหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว
จะแล้วเสร็จในเดือน ตุลาคมปีนี้ และแผนการเพิ่มทุนดังกล่าว จะต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ้าหนี้ด้วย