Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน26 กรกฎาคม 2548
จีเอ็มชี้สิ่งพิมพ์แข่งดุขอโต10%สั่งปิดทีวีรีวิวชูวีเมนวีกลีแทน             
 


   
www resources

โฮมเพจ จีเอ็ม มัลติมีเดีย

   
search resources

จีเอ็ม มัลติมีเดีย, บมจ.
ปกรณ์ พงศ์วราภา
Printing & Publishing




นายปกรณ์ พงศ์วราภา ประธาน กรรมการ บริษัท จีเอ็ม มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงนโยบายการดำเนินงานของบริษัทฯว่า ที่ผ่านมามีกลุ่มทุนที่ติดต่อเข้ามาเพื่อจะเข้ามาเป็นพันธมิตรในด้านของการลงทุนและถือหุ้นในบริษัทฯ แต่เนื่องจากยังไม่มีความจำเป็น จึงยังไม่สามารถสรุปอะไรได้ ขณะเดียวกันบริษัทฯก็อยู่ระหว่างการนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (MAI) ด้วย ซึ่งขณะนี้ได้ยื่นไฟลิ่งและผ่านไปเรียบร้อยแล้ว คาดว่าภายในเดือนสิงหาคม หรือกันยายนปีนี้จะซื้อขายหุ้นได้แต่ก็ต้องรอดู ภาวการณ์อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทฯจะได้เตรียมการ เรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯมานานกว่า 2 ปีแล้วก็ตาม การที่จะได้เข้าตลาดหุ้นช้านั้นไม่มีปัญหา เพราะบริษัทฯไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว และการจะหาพันธมิตรนั้นหลังจากเข้าตลาดหุ้นแล้วก็คงอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้ โดยทุนจดทะเบียนเวลานี้มี 40 ล้านบาท ชำระแล้ว 32 ล้านบาท ซึ่งจะกระจาย หุ้นอีก 8 ล้านหุ้น ซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นที่เข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ใหม่แล้ว โดยจะระดมเงินทุนมาลงทุนหนังสือเล่มใหม่ๆและการขยายอาคารสำนักงาน เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯกำหนดอัตราการเติบโตไว้ประมาณ 10-15% ต่อปี โดยจะมีนิตยสารใหม่ๆ ออกมาตลอด เน้นการพัฒนาหัวหนังสือไทยขึ้นมาเองไม่ซื้อลิขสิทธิ์ต่างประเทศ ส่วนนิตยสารแนว ผู้หญิงนักธุรกิจนั้นขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงแผนงานยังเตรียมการอยู่ คาดว่าหลังเข้าตลาดหุ้น แล้วจะสามารถสรุปได้ โดยตั้งเป้าว่าภายใน 1 ปี นิตยสารเล่มใหม่จะต้องอยู่ตัวและคุ้มทุน

ขณะนี้จีเอ็มมีนิตยสารในเครือรวม 9 ฉบับ คือ จีเอ็ม, โฮมแอนด์เดคคอร์, จีเอ็มคาร์, จีเอ็ม 2000, ทีวีรีวิว, จีเอ็ม วอช, จีเอ็มพลัส, เอสเอ็มอีไทยแลนด์, มาเธอร์แอนด์แคร์ รวมรายได้ปีที่แล้วประมาณ 250 ล้านบาท กำไรประมาณ 30 ล้านบาท ส่วนอัตราค่าโฆษณาจะปรับเฉลี่ย 5-10% ตัวหลักที่ทำรายได้คือ นิตยสารจีเอ็ม ซึ่งตัวเลขจากเอซีนีลเส็นเมื่อ 4 ปีที่แล้วระบุว่ามีฐานผู้อ่าน กว่า 280,000 คน และนิตยสารโฮมแอนด์เดคคอร์ โดยนิตยสารเล่มใหม่คือ เอสเอ็มอีไทยแลนด์ และมาเธอร์แอนด์แคร์ ซึ่งไปได้ดี "

ถามว่านิตยสารหรือหนังสือประเภทใดบ้างยังมีตลาดอีก ผมว่าทุกเซกเมนต์มันเต็มหมดแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าจากนี้ไปตลาดรวมจะไม่มีหนังสือใหม่ออกมาอีก แต่ผมมองว่าแต่ละ เซกเมนต์ที่เต็มแล้วนั้นยังพอมีช่องว่างอยู่อีก อยู่ที่ว่าใครจะค้นพบวและสามารถทำมันขึ้นมาได้เท่านั้นเอง ผมมองของผมอย่างนี้ และทุกวันนี้การทำหนังสือมันง่ายแต่จะให้อยู่รอดได้นั้นมันยาก ต้นทุนการผลิตปัจจุบันก็สูงขึ้นมากจากราคาน้ำมัน ราคากระดาษ" นายปกรณ์กล่าว

ล่าสุดบริษัทฯได้ปรับแผนการดำเนินงานของนิตยสาร TV REVIEW ใหม่หมด โดยเลิกแนว นิตยสารดาราแล้ว และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น วีเมน วีกลี (Women Weekly) เป็นนิตยสารผู้หญิงรายสัปดาห์ ความหนาเดิม 8 หน้ายก ราคา 40 บาท (เดิม 30 บาท) จับกลุ่มผู้หญิงทำงานอายุ 18-35 ปี ระดับบีบวกถึงเอ นิตยสารวีเมนวีกลีนี้ทางจีเอ็ม จะนับต่อจากทีวีรีวิวเป็นปีที่ 7 หลังจากที่ฉบับสุดท้าย ของทีวีรีวิววางแผงในเดือนพฤศจิกายนศกนี้ โดย จะใช้ทีมงานกองบก.ใหม่หมดประมาณ 10 คน จากเดิมที่มีประมาณ 15 คน แต่คนเก่าที่ออกไปนั้น จะได้รับการชดเชยตามกฎหมายแรงงานทุกอย่าง

"ทุกวันนี้ สิ่งพิมพ์บันเทิงมันแข่งกันหนัก ยิ่งมีหนังสือพิมพ์รายวันออกมาถึง 2 ฉบับแล้วคือ ของค่ายอาร์.เอส.ฯกับสยามสปอร์ต ของเราเป็นรายเดือนจะเหลืออะไรไปแข่งกับรายวัน รายสามวัน ถ้าเราเดินตามถนนเก่าที่มีอยู่ ยอมรับว่าทางสายนี้ไม่น่ารื่นรมย์แล้ว ไม่มีความสนุกแล้ว หนทางข้างหน้ามีแต่ตีบตันสำหรับเราในเรื่องของหนังสือดาราบันเทิงแนวนี้ เรารู้คำตอบล่วงหน้าแล้วว่าเป็น อย่างไร แล้วจะทำต่อทำไม ยอมรับว่าปีแรกที่ทำนั้นเหนื่อยมาก แต่พอปีที่ 2-3 เริ่มเข้าที่เข้าทาง ปีที่ 5-6 อยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่เราก็มีการปรับมาบ้างแล้ว 2 ปีให้เป็นแนวผู้หญิงขึ้นมามีเรื่องเกี่ยว กับผู้หญิงประมาณ 30-40% ไม่ใช่มีแค่เรื่องดาราเท่านั้น" นายปกรณ์กล่าว

"เราไม่ได้ลงทุนอะไรใหม่มากมายเพราะเราเพียงแค่เปลี่ยนหัวหนังสือเท่านั้นเอง คนก็ใช้น้อยลงด้วย เรามองเป็นรายสัปดาห์เพราะว่านิตยสาร ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นรายเดือนและก็มีจำนวนมากแล้ว ส่วนรายปักษ์ก็เริ่มมี ซึ่งนิตยสารผู้หญิง รายสัปดาห์นั้นยังน้อยมาก ตรงนี้เป็นช่องว่างที่เราจะเจาะเข้าไป ผมสอบถามทางเอเยนซีแล้วเขาก็เห็นด้วย"

เขาย้ำด้วยว่า การออกหนังสือใหม่ๆต้องมีอะไรที่ใหม่ เพราะการแข่งขันที่สูง อย่างไรก็ตาม ปีนี้ สังเกตได้ว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีหนังสือออกมาใหม่น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วกว่า 50%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us