|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2548
|
|
ตอนไปประเทศสเปนตอนแรกๆ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ได้ยินข่าวเรื่องการวางระเบิดอยู่เป็นระยะๆ อย่างน้อยหนึ่งเดือนก็หนึ่งครั้ง มีคนตายและคนบาดเจ็บเกือบทุกครั้ง ส่วนใหญ่จะเป็นแบบคาร์บอมบ์ แรกๆ ก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน เพราะว่าแหล่งของการเกิดไม่แน่นอน เกิดขึ้นได้ทุกเมืองทุกที่และทุกเวลาในประเทศสเปน ขนาดว่าเวลาเดินไปไหน ต้องพยายามเดินห่างๆ รถยนต์ที่จอดทิ้งไว้
อยู่ต่อมาสักระยะความกลัวก็ลดลงไปบ้าง เพราะว่าคนที่นั่นไม่ได้แสดงความรู้สึกกลัวสักเท่าไร พอได้ศึกษาข้อมูลก็ทราบได้ว่า เหตุการณ์เหล่านี้เกิดมาต่อเนื่องเกือบห้าสิบปีแล้ว เพื่อนๆ ชาวสเปนหลายคนให้ความเห็นว่า "มันชินซะแล้ว จะให้ทำอย่างไรได้" แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันเป็นความชินที่ขมขื่นมากทีเดียว
ในตอนนั้นก็คิดในใจว่า ดีนะที่เรื่องราวเหล่านี้ไม่เกิดในประเทศไทยของเรา แต่เพียงไม่กี่ปีต่อมา ก็ต้องเปลี่ยนมาคิดว่า เมื่อไหร่สิ่งเหล่านี้จะหมดไปจากประเทศไทยของเรา
ETA ย่อมาจากคำว่า Euskadi Ta Askatasuna ในภาษาบาส หรือ Euskadi y Libertad ในภาษาสเปน แปลความได้ว่า เออุสกาดี และอิสรภาพ
Euskadi เป็นอีกชื่อหนึ่งของแคว้นบาสที่อยู่ทางภาคเหนือของประเทศสเปน รวมความแล้วก็คือ ขบวนการที่ต่อสู้เพื่ออิสรภาพของแคว้นบาส
ขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่อยู่ตามประเทศต่างๆ มีลักษณะที่เหมือนกันในด้านวัตถุประสงค์คือ ต้องการแยกดินแดนแคว้นของตน หรือที่คิดว่าเป็นของตน ให้เป็นอิสระ แต่ในรายละเอียดแล้ว แต่ละกลุ่มนั้นมีความแตกต่างกัน เช่น เรื่องของอุดมการณ์ ผู้ร่วมขบวนการ วิธีการ โครงสร้างหรือเครือข่าย
อย่างในกรณีของ ETA ไม่มีองค์ประกอบด้านศาสนามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ เชื้อชาติ ภาษา และ วัฒนธรรมและความบ้าระห่ำของคนบางกลุ่ม
ETA กำเนิดขึ้นในปี 1959 ซึ่งเป็นช่วงปลายยุคเผด็จการของนายพลฟรังโก้ แรกเริ่มเดิมทีก็ดูดี เป็นการรวมกลุ่มกันของนักศึกษาหัวรุนแรงเพื่อต่อต้านเผด็จการที่เมือง Bilbao เมืองหลวงของแคว้นบาส ช่วงนั้นหลายกลุ่มก็เห็นดีเห็นงามด้วยและให้การสนับสนุน
แต่ในเวลาต่อมา กลุ่มนี้ก็เริ่มชูประเด็น Racismo, Etnicismo, แต่คำที่ฮิตที่สุดคือ Nacionalismo พอจะแปลได้ว่า เชื้อชาตินิยม ชาติพันธุ์นิยม และชาตินิยม ตามลำดับ
พอประกาศตัวว่าเป็นกลุ่มผู้เคลื่อนไหวแบบ Nacionalismo ก็เริ่มใช้วิธีการรุนแรง เริ่มใช้อาวุธเป็นเครื่องมือในการต่อรอง เมื่ออุดมการณ์เริ่มมั่นคงขึ้น ก็ได้พัฒนาไปเป็นกลุ่มใหม่ภายใต้ชื่อ Nuevo Nacionalismo
กลุ่มนี้ได้ชี้ชวนให้ทุกคนเห็นว่า แคว้นบาสเป็นดินแดนที่ปกครองโดยต่างชาติที่มีทหารเป็นกำลัง ชาวต่างชาติที่ว่านี้คือชาวสเปน พวกเขาจะต้องยกเลิกการครอบครองนี้ และจะใช้วิธีการที่รุนแรง
หลายคนเห็นประโยคข้างบนแล้วอาจจะงงๆ เพราะว่าแท้ที่จริงแล้วแคว้นบาส ก็เป็นแคว้นหนึ่งของสเปนมาตั้งแต่สมัยสร้างชาติ สร้างอาณาจักรในศตวรรษที่ 16 แล้ว
เป้าหมายโดยทั่วไปจะเป็นทหารและตำรวจ คือเป็นเป้าแบบจำเพาะเจาะจง เริ่มมีการทำลายล้างตามสังหารทหารและตำรวจ ส่งผลทำให้ทางการเริ่มมีมาตรการที่รุนแรงโต้กลับไป ETA ตาย โดนจับ ถูกขังคุกตลอดชีพ เป็นจำนวนมาก
ทางภาคการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลได้ร่วมมือกันจัดทำ Pacto Anti-Terrorista เป็นข้อตกลงที่จะให้ความร่วมมือกันที่จะกำจัดขบวนการผู้ก่อการร้ายให้หมดไปโดยไม่มีข้อแม้และเงื่อนไข จนกระทั่งในปี 1992 เกิดปัญหาการขัดแย้งภายในขบวนการ ETA เพราะว่าผู้นำกลุ่มหลายคนถูกทางการกำจัดไป ETA เลยเปลี่ยนมาใช้วิธีการเจรจาแทน แต่ก็ไม่เป็นผล เลยมาจัดกระบวนทัพกันใหม่ โดยแบ่งระดับการทำงานออกเป็นสามกลุ่ม คือ กลุ่มก่อกวนทำลายบ้านเมือง กลุ่มวางระเบิดเล็กๆ น้อยๆ เช่น ระเบิดตู้เอทีเอ็ม และกลุ่มฆาตกรรมด้วยระเบิดขนาดใหญ่
แม้ว่า ETA จะมีประสบการณ์สูงในการก่อการร้าย แต่บ่อยครั้งเหมือนกันที่พลาดต้องเสียชีวิตเพราะอาวุธหรือระเบิดของตัวเอง นับได้ 36 ราย เสียชีวิตเพราะพลาดเอง และ 18 รายฆ่าตัวตาย
ขบวนการก่อการร้ายในลักษณะนี้ นอกจากอุดมการณ์แล้ว การที่จะสามารถดำเนินงานมาได้ยาวนานเป็นเวลาเกือบห้าสิบปี สร้างความเสียหายทางชีวิตและทรัพย์สินไปมากมาย ต้องมีองค์ประกอบอย่างน้อยอีกสองประการคือ เครือข่ายและเงินทุน มีการคำนวณกันว่า ETA ต้องใช้เงินราว 4 ล้านบาทต่อวัน หรือ 1,300 ลาน บาทต่อปี ในการดำเนินงานและการรักษาองค์กร แล้วเงินจำนวนนี้มาจากไหน เพราะว่า ETA ไม่ได้ทำงาน มีความชำนาญเพียงอย่างเดียว คือการก่อการร้าย
ETA ได้รับเงินทุนจากสองแหล่งคือ หนึ่งจากการปล้นแบงก์ สองจากการเก็บภาษีจากนักธุรกิจหรือจากบริษัทต่างๆ โดยให้ชื่อหรูดูดีว่า ภาษีเพื่อการปฏิรูป Impuesto Revolucionario โดยการส่งจดหมายข่มขู่ถึงชีวิตไปพร้อมกับแบบฟอร์มการเสียภาษี นอกจากนี้ยังมีการตั้งบริษัทอีกหลายแห่งเพื่อบริหารกองทุนและฟอกเงินดังกล่าว
ETA เพียงกลุ่มเดียวคงไม่ทรงอิทธิพลมากมายถึงเพียงนี้ ถ้าไม่มีเครือข่าย ที่เกี่ยวข้องไม่ต่ำกว่าสิบองค์กร มีทั้งระดับพรรคการเมืองที่มีเสียงอยู่ในสภา กลุ่มเอ็นจีโอ และกลุ่มประชาชน
องค์กรที่ลึกลับประกอบกับเครือข่ายที่ซับซ้อน ทำให้ ETA เป็นขบวนการก่อการร้ายที่ไม่ธรรมดา สร้างความเสียหายให้กับประเทศสเปนมากมาย สร้างความหวาดผวาให้กับนักการเมือง ทหาร ตำรวจ รวมทั้งประชาชนตลอดมา รัฐบาลสเปนต้องใช้งบประมาณกว่า 4,000 ล้านยูโรต่อปี (กว่า 200,000 ล้านบาท) ในการป้องกันภัยจากการก่อการร้ายนี้
แม้ว่าจะมีภัยจากการก่อการร้ายถึงเพียงนี้ ประเทศสเปนก็ยังสามารถประคองตัวเองและพัฒนามาอยู่ในระดับของประเทศที่พัฒนาแล้ว สิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ สเปนยังสามารถรักษาระดับจำนวนของนักท่องเที่ยวได้ดีเสมอมา โดยมียอดผู้มาเที่ยวกว่า 50 ล้านคนต่อปี
นับว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่น่าสนใจมาก ที่ประเทศไทยควรจะเรียนรู้ไว้
|
|
|
|
|