|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ สิงหาคม 2548
|
|
และแล้ว 12 ปีแห่งการรอคอยของคนนิวซีแลนด์ กับการมาเยือนของทีมรักบี้ British and Irish Lions กับเหล่ากองเชียร์ Barmy Army อันเลื่องชื่อก็มาถึง British and Irish Lions เป็นทีมรักบี้รวมสหราชอาณาจักร ซึ่งประกอบไปด้วย อังกฤษ สกอตแลนด์และเวลส์ กับทีมรักบี้ไอร์แลนด์ ทีมรักบี้รวมสหราชอาณาจักรนี้ เริ่มมาเยือนนิวซีแลนด์อย่างไม่เป็นทางการมาตั้งแต่ปี 1888 หรือเกือบ 120 ปีที่แล้ว การมาทัวร์นิวซีแลนด์ครั้งนี้ของทีม Lions นับเป็นครั้งที่ 11 หลังจากการมาทัวร์นิวซีแลนด์ครั้งสุดท้าย เมื่อปี 1993 หรือเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ดังนั้น Lions Tour ครั้งนี้จึงสร้างความตื่นเต้นให้กับคนทั้งประเทศเป็นอย่างมาก สื่อมวลชนทุกแขนงเสนอข่าวและรายงานความเคลื่อนไหวอย่างอึกทึกครึกโครมมาตั้งแต่ต้นปี
ทีมรักบี้ British and Irish Lions นอกเหนือจากมาเยือนนิวซีแลนด์แล้ว โดยปกติในแทบทุกๆ 12 ปี ก็จะไปเยือน ออสเตรเลีย และเซาท์แอฟริกาเช่นกัน โดย Lions Tour นอกจากจะสร้างประโยชน์ในด้านกีฬาแล้ว ยังเป็นการกระชับสายสัมพันธ์ของประเทศในเครือจักรภพ (Common Wealth) เหล่านี้ได้ดีที่สุด การมาเยือนครั้งนี้ก็ไม่ทำให้คนนิวซีแลนด์ผิดหวัง เมื่อทีม Lions ขนผู้เล่นมาทั้งหมดถึง 44 คน ทั้งๆ ที่สามารถใช้ผู้เล่นตัวจริง ในการลงสนามแต่ละนัดได้แค่ 15 คน นอกจากนั้น ทีม Lions ยังขนสตาฟโค้ช และทีมงานในด้านต่างๆ มาอีกถึง 27 คน ว่ากันว่าทีม Lions ต้องใช้เครื่องบินถึง 2 ลำ ในการขนผู้เล่นทีมงานและสัมภาระมาทั้งหมด ผู้เล่นชุดนี้ก็เป็นชุดที่อัดแน่นไปด้วยผู้แล่นเก่งๆ จากทีมชาติของทั้งสี่ประเทศ
อังกฤษนั้นมีศักดิ์ศรีเป็นถึงแชมป์ Rugby World Cup ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปีที่แล้วที่ประเทศออสเตรเลีย เวลส์ก็มีดีกรีเป็นแชมป์ Six Nations ครั้งล่าสุด นอกจากนั้น ทีม Lions ชุดนี้ยังนำทีมมาโดย Sir Clive Woodward ซึ่งเป็นโค้ชพาทีมอังกฤษสร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์ Rugby World Cup ครั้งล่าสุด และเป็นแชมป์ Rugby World Cup ครั้งแรกของอังกฤษและครั้งแรกของประเทศใน Northern Hemisphere ดังนั้นหลายๆ คนจึงยกให้ Sir Clive เป็นโค้ชอันดับหนึ่งของโลก หลังจาก Rugby World Cup เป็นต้นมา
ทีม Lions มีโปรแกรมลงแข่งทั้งหมด 11 นัด โดยมี 3 นัด เป็นการแข่งนัดชี้ขาดกับทีม All Black ของนิวซีแลนด์ และ 8 นัดที่เหลือส่วนใหญ่เป็นการแข่งขันกับทีมท้องถิ่นในเมืองต่างๆ ตั้งแต่เหนือจดใต้ และด้วยโปรแกรมที่แน่นเอี๊ยดเช่นนี้ ทีม Lions จึงต้องใช้ระยะเวลาในการทัวร์ครั้งนี้มากกว่า 1 เดือน ทางการนิวซีแลนด์ประมาณการว่า มีกองเชียร์ Barmy Army จากสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ติดตามมาเชียร์ทีม Lions อย่างน้อยถึง 15,000 คน และคาดว่า Lions Tour ครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านเหรียญนิวซีแลนด์ หรือ เกือบ 1,500 ล้านบาทเลยทีเดียว
กองเชียร์ Barmy Army เหล่านี้เองที่เป็นตัวสร้างสีสันและบรรยากาศให้กับทัวร์ครั้งนี้ เมื่อทีม Lions ไปเยือนเมืองไหน สแควร์ ผับ ร้านอาหาร ของเมืองนั้นๆเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยสีแดงของเหล่ากองเชียร์ Barmy Army เหล่านี้ และหนึ่งในกองเชียร์ Lions ที่สร้างความสนใจให้กับสื่อมวลชนและชาวนิวซีแลนด์มากที่สุด ก็คือ เจ้าชายวิลเลียม แห่งราชวงศ์อังกฤษ ที่เสด็จมาเยือนนิวซีแลนด์ ในระหว่าง Lions Tour ครั้งนี้ ในนามสมเด็จพระราชินีควีนอลิซาเบธที่สองแห่งราชวงศ์ อังกฤษ และเพื่อเป็นการให้กำลังใจ ทีม All Black สื่อมวลชนของนิวซีแลนด์ทุกแขนงจึงช่วยกันรณรงค์ใส่เสื้อผ้าสีดำ ซึ่งเป็นสีประจำทีม All Black นั่นเอง
ท่านนายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์ ยังออกมาช่วยรณรงค์ "Wear Black" ในระหว่างทัวร์ครั้งนี้ด้วย ร้านรวงต่างๆ เน้นแคมเปญขายเสื้อผ้าสีดำกันอย่างมากมาย เมืองต่างๆ ที่ทีม Lions ไปเยือน ก็มีการประดับประดาธงประจำทีม All Black และทีม Lions รวมถึงธงชาติของทั้งสี่ประเทศนี้เต็มไปหมด นอกจากนั้นในวันที่ทีม Lions มีโปรแกรมลงแข่ง โดยเฉพาะกับทีม All Black ตามถนนหนทางก็จะเต็มไปด้วยสีแดงกับสีดำของเหล่ากองเชียร์ของทั้งสองทีมนี้ ด้วยบรรยากาศ บวกกับความสนุกสนาน เฮฮาของพลพรรค Barmy Army เหล่านี้ Lions Tour ครั้งนี้จึงเป็นเสมือน festival ที่เคลื่อนที่ไปยังเมืองต่างๆ จากเหนือจดใต้
หลายๆคนคงทราบดีว่า รักบี้เป็นเสมือนกีฬาประจำชาติของนิวซีแลนด์ ที่คนนิวซีแลนด์คลั่งไคล้เป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้น Lions Tour ในครั้งนี้ คนนิวซีแลนด์โดยส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญเหมือนมหกรรมกีฬาครั้งใหญ่ รองจาก Rugby World Cup นอกเหนือจากนี้ การเผชิญหน้าระหว่างทีม Lions กับ ทีม All Black ในเวลานี้ก็ดูจะเป็นรักบี้ที่ถูกคู่ ถูกเวลาจริงๆ เพราะทีม Lions ชุดนี้เต็มไปด้วยนักรักบี้ระดับโลกหลายคน ส่วนทีม All Black ก็เป็นทีมที่หลายๆ คนยกให้เป็นทีมรักบี้ที่ดีที่สุดในเวลานี้
ผลการแข่งขันก็สร้างความยินดีให้แก่ชาวนิวซีแลนด์ยิ่งนัก เมื่อทีม All Black สามารถชนะทีม Lions ไปได้อย่างขาดลอยถึง 3 นัดรวด แม้ทีม Lions จะสามารถชนะทีมท้องถิ่นมาได้เกือบทุกนัด แต่ก็ไม่สามารถต้านทานความร้อนแรงของทีม All Black ได้ และนี่ก็นับเป็นการตอกย้ำว่า ทีม All Black คือทีมรักบี้ที่ดีที่สุดในโลกในเวลานี้
ทีม All Black เปรียบเสมือนบราซิลของวงการรักบี้โลกนั่นเอง ทีม All Black มักถูกยกย่องว่าเป็นทีมรักบี้ที่ดีที่สุดทีมหนึ่ง และเล่นได้เร้าใจที่สุดมาแทบทุกยุคทุกสมัย แต่สิ่งที่แตกต่างจากบราซิลก็คือ ทีม All Black ไม่ประสบความสำเร็จใน Rugby World Cup เท่าที่ควร ผลการแข่งขันครั้งนี้จึงสร้างความหวังให้กับชาวนิวซีแลนด์ ว่าทีม All Black จะสามารถกลับมาทวงบัลลังก์ ใน Rugby World Cup ในอีกสองปีข้างหน้าที่ประเทศฝรั่งเศสได้สำเร็จ
Lions Tour ครั้งนี้ปิดฉากลงด้วยความสำเร็จ แม้ทีม Lions จะพ่ายแพ้ให้กับทีม All Black ไปอย่างย่อยยับก็ตาม แต่ Lions Tour ครั้งนี้ ก็สร้างความประทับใจ ความสนุกสนาน และสีสันให้กับนิวซีแลนด์เป็นอย่างยิ่งในตลอด 1 เดือนของการทัวร์ เคยมีการตั้งคำถามกันถึงอนาคตของ Lions Tour ว่าจะยั่งยืนไปได้นานแค่ไหน เนื่องจากความสำคัญของ Lions Tour นั้นลดน้อยลง หลังจากที่ Rugby World Cup ก่อกำเนิดขึ้นในปี 1987 แต่ Lions Tour ในยุค ปัจจุบันรวมถึง Lions Tour ที่นิวซีแลนด์ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของ Lions Tour ที่ไม่เหมือนทัวร์นาเมนต์อื่นๆ
แฟนๆ รักบี้ในประเทศเหล่านี้ เหมือนจะมองว่า Lions Tour นั้นเป็นมากกว่าโปรแเกรมการแข่งขันกีฬา Lions Tour ยังเป็นเหมือน festival เคลื่อนที่ ที่คนทั่วประเทศ เหนือจดใต้ ได้มีส่วนร่วมกันอย่างแท้จริง ในส่วนตัวของผม Lions Tour นั้นยังเป็นการทูตที่แฝงผ่านกีฬาลูกหนำเลี้ยบ เพื่อช่วยดำรงคงรักษาสายสัมพันธ์อันดีของประเทศในกลุ่มเครือจักรภพเหล่านี้ที่ทรงพลังที่สุดไม่แพ้วิธีอื่นเลย
|
|
|
|
|